สื่อชั่วขี้ข้าเผด็จการมันยังเสี้ยมไม่เลิก

ยูเอ็น เรียกร้องช่อง 'ไทยอาเซียนนิวส์เน็ตเวิร์ค' ถอนข่าว หลังบิดเบือนคำพูดเลขาธิการ UNESCAP

Wed, 2011-10-26 00:45

สหประชาชาติ เรียกร้องสถานีโทรทัศน์ 'ไทยอาเซียนนิวส์ เน็ตเวิร์ค' ถอนรายงานข่าวน้ำท่วม ที่บิดเบือนคำพูดของ เลขาธิการคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมสำหรับเอเชียและแปซิฟิก (UNESCAP) ว่าติเตียนรัฐบาลไทยในการ จัดการปัญหาภัยพิบัติ

เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา (21 ต.ค. 54) องค์กรสหประชาชาติ หรือยูเอ็น (United Nations) ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้อง ให้สถานีโทรทัศน์ 'ไทยอาเซียนนิวส์ เน็ตเวิร์ค ถอดถอนข่าวน้ำท่วม ที่นำเสนอการบิดเบือนคำพูดของ ด็อกเตอร์ โน ลีน เฮย์เซอร์ เลขาธิการคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมสำหรับเอเชียและแปซิฟิกแห่งสหประชาชาติ ว่าติเตียน รัฐบาลไทยในการจัดการน้ำท่วม

ดร. เฮย์เซอร์ระบุในแถลงการณ์ว่า การบิดเบือนคำพูดดังกล่าว เป็นสิ่งตรงกันข้ามกับความสมานฉันท์และความสนับ สนุนของสหประชาชาติที่มีต่อประเทศไทยอย่างชัดเจน

"การอ้างคำพูดดังกล่าวผิดอย่างสิ้นเชิง สะท้อนมาตรฐานของการทำงานข่าวที่ตกต่ำ ซึ่งควรทำหน้าที่สะท้อนความ จริง" ดร. เฮย์เซอร์กล่าว

แถลงการณ์ดั้งเดิมของยูเอ็นเอสแคป ที่ออกเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม และ 'ไทยอาเซียนนิวส์เน็ตเวิร์ค' นำไปออก อากาศนั้น มีข้อความการแสดงความเสียใจและแสดงความสมานฉันท์จากองค์กรสหประชาชาติ ต่อเหยื่อที่ประสบ เหตุอุทกภัยในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบครึ่งศตวรรษ

นอกจากนี้ ยังระบุว่า หน่วยงานต่างๆ กว่า 20 หน่วยของสหประชาชาติ ภายใต้กลไกการประสานงานระดับภูมิภาค กำลังวางแผนดำเนินงานร่วมกับอาเซียนในระหว่างปี 2011-1015 ในการจัดการและป้องกันภัยพิบัติระยะยาว

อย่างไรก็ตาม ไม่มีคำตำหนิหรือติเตียนรัฐบาลไทยในการจัดการปัญหาน้ำท่วมในแถลงการณ์ดังกล่าวของ UNESCAP ตามที่ 'ไทยอาเซียนนิวส์ เน็ตเวิร์ค' นำไปรายงานแต่อย่างไร

เมื่อวันที่ 24 ต.ค. ที่ผ่านมาสถานีข่าว 'ไทยอาเซียนนิวส์ เน็ตเวิร์ค' ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์ภาษาอังกฤษ ที่ออก อากาศผ่านดาวเทียมเอเชีย แซตเทลไลท์ เทเลวิชั่น หรือ เอเอสทีวี จึงได้ทำการแก้ไขข่าวดังกล่าว และระบุว่า คำ พูดดังกล่าว มาจากเจอรี เวลาสเคซ ซึ่งเป็นผู้ประสานงานอาวุโสระดับภูมิภาคของหน่วยยุทธศาสตร์นานาชาติเพื่อ บรรเทาภัยพิบัติ แห่งสหประชาชาติ

ไทยอาเซียนนิวส์ เน็ตเวิร์ค ยังได้ตีพิมพ์คำขอโทษ และย้ำว่า ข้อผิดพลาดดังกล่าวที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นความตั้งใจแต่ อย่างไร

จุดจบของเผด็จการ



นายมาห์มูด จิบริล รักษาการณ์นายกรัฐมนตรีลิเบีย ยืนยันว่าพ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี อดีตผู้นำลิเบีย เสียชีวิตแล้วจริง ระหว่างการปะทะระหว่างกองทัพผู้ภักดีต่อเขา และกองทัพของสภาถ่ายโอนอำนาจ (เอ็นทีซี) ในช่วงการบุกโจมตีเมืองเซิร์ต โดยเขาถูกยิงเข้าที่ศีรษะ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตก่อนเดินทางถึงโรงพยาบาล

โดยสื่อต่างๆได้นำภาพของ พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี อดีตผู้นำลิเบีย หลังถูกสังหารถูกนำมาเผยแพร่ เป็นภาพกัดดาฟีมีเลือดตามใบหน้าและคอ นอกจากภาพนิ่งแล้วยังมีวิดีโอคลิปที่ระบุว่าเป็นภาพของกัดดาฟีหลังถูกสังหารโดยกองกำลังปฏิวัติอีกด้วย ภาพดังกล่าวเป็นภาพที่ถ่ายจากโทรศัพท์เคลื่อนที่ แต่ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าขณะที่ถ่ายภาพนั้นกัดดาฟียังมีลมหายใจอยู่หรือไม่

ส่วนที่เมืองเซิร์ท บ้านเกิดของกัดดาฟี และกรุงตริโปลี ประชาชนและนักรบกองกำลังปฏิวัติต่างออกมาโห่ร้องและยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อแสดงความยินดีที่กัดดาฟีถูกสังหาร

ด้านกองกำลังขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโตเข้าร่วมประชุมฉุกเฉินในเวลาต่อมา ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นการหารือเพื่อเตรียมประกาศการยุติการโจมตีลิเบีย ด้านนายอันเดอร์ส โฟก์ ราสมุสเซ็น เลขาธิการนาโต กล่าวว่า การเสียชีวิตของนายกัดดาฟี หลังจากขึ้นครองอำนาจมานานถึง 42 ปี เขาเรียกร้องให้ชาวลิเบียร่วมจับมือกันและสร้างอนาคตที่สดใสยิ่งกว่า

ด้านนายจิบริล กล่าวระหว่างการแถลงข่าวที่กรุงทริโปลี เพื่อยืนยันการเสียชีวิตของพ.อ.กัดดาฟีอย่างเป็นทางการ โดยเขาระบุว่า จากผลการชันสูตรศพ พบว่านายกัดดาฟีเสียชีวิตจากบาดแผลจากกระสุนปืนหลังจากที่เขาโดนจับกุมตัว ในระหว่างที่รถยนต์ที่มีนายกัดดาฟีอยู่กำลังแล่นออกไป เกิดการปะทะระหว่างกองทัพเอ็นทีซีและกองกำลังของนายกัดดาฟี และระหว่างนั้นเขาก็ถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ทั้งนี้ แพทย์ผู้ทำการชันสูตรไม่ได้ระบุว่า กระสุนนัดดังกล่าวมาจากฝ่ายใด

ก่อนหน้านี้ นักรบของเอ็นทีซีบางรายให้ข้อมูลที่แตกต่างกันไปของการเสียชีวิตของนายกัดดาฟี โดยกล่าวว่า เขาถูกผู้ที่จับกุมตัวเขายิง หลังจากพยายามหลบหนี ขณะที่บางกระแสกล่าวว่า พบนายกัดดาฟีซ่อนตัวอยู่ในโพรงแห่งหนึ่ง และร้องขอชีวิต ด้านสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง ยังแสดงภาพของกลุ่มทหารที่ยืนล้อมรอบท่อระบายน้ำ ซึ่งผู้สื่อข่าวระบุว่าเป็นที่ซ่อนตัวของนายกัดดาฟี

ด้านผู้สื่อข่าวของรอยเตอร์รายงานว่า พบร่างของผู้ที่ชื่อว่าอาจเป็นร่างของนายมูตาสซิม กัดดาฟี บุตรชายของอดีตผู้นำลิเบีย และอดีตที่ปรึกษากองกำลังรักษาความมั่นคงแห่งชาติ นอนแน่นิ่งอยู่บนผ้าปูที่นอนในบ้านหลังหนึ่งที่เมืองมิสราตา ขณะที่ชาวบ้านต่างพากันถ่ายรูปที่ไร้วิญญาณของเขาด้วยโทรศัพท์มือถือ

ขณะที่นายโมฮัมหมัด อัล-อาลากี ว่าที่รัฐมนตรียุติธรรมลิเบีย กล่าวว่า นายซาอิฟ อัล-อิสลาม บุตรชายอีกคนหนึ่งของนายกัดดาฟี ถูกจับกุมตัวได้แล้ว และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บที่ขา โดยบางแหล่งข่าวระบุว่ายังไม่ทราบว่าเขาซ่อนตัวอยู่ที่ใด

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1319163659&grpid=03&catid=&subcatid=