จตุพร พรหมพันธุ์ ยังมีสิทธิ์เป็น สส.ตามรัฐธรรมนูญ


หมายเหตุ ก่อนอ่านต่อ กรุณาวางความชอบใจไม่ชอบใจลงก่อนนะครับจะได้ไม่

หงุดหงิดหรืออารมณ์เสีย

ผมอ่านข่าวความเห็นของคุณสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า หากนายจตุพร พรหมพันธุ์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ไม่ได้รับอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวเพื่อไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค.นี้ นายจตุพรมีปัญหาแน่นอนหากไม่ไปใช้สิทธิ เพราะถือว่าขัดต่อกฎหมาย ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ว่า กกต.จะต้องพิจารณาไม่ประกาศรับรองให้นายจตุพรเป็น ส.ส. เพราะหน้าที่ตรวจสอบคุณสมบัติก็เป็นหน้าที่ของ กกต. ทันทีที่นายจตุพรไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งก็ถือว่าขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส.ทันทีเช่นกัน

“เรื่องนี้เป็นเรื่องของการขาดคุณสมบัติ มิใช่การกระทำความผิดกฎหมายเลือกตั้ง จึงไม่ใช่เรื่องการแจกใบเหลือง ใบแดง หรือการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง” นางสดศรีกล่าว และว่าเรื่องนี้หากนายจตุพรไม่เห็นด้วยก็คงต้องยื่นเรื่องต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งเพื่อให้พิจารณา เพราะเรื่องนี้ถือเป็นกรณีใหม่และไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งในอดีตเคยเกือบจะเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นมาในกรณีของนายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำ นปช. หรือกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งขณะนั้นก็ถูกคุมขังอยู่ ซึ่งศาลปล่อยตัวออกมาสมัครแต่ก็ไม่ได้อนุญาตให้ออกมาลงคะแนน แต่ในครั้งนั้นนายก่อแก้วไม่ได้รับเลือกตั้ง กกต.เลยไม่ได้พิจารณาเรื่องนี้ไว้เป็นบรรทัดฐาน

อย่างไรก็ตาม นายจตุพรนั้นอาจจะทำหนังสือแจ้งเหตุไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง แต่จะเป็นเหตุผลที่รับรับฟังหรือเข้าต่อข้อกฎหมายหรือไม่ ก็คงต้องพิจารณากันอีกครั้งและอาจจะต้องยื่นต่อศาลเพื่อให้เป็นผู้พิจารณา แต่ กกต. คงจะพิจารณาประกาศไม่รับรองให้เป็น ส.ส.ไปก่อน…………………………………………………….

ตามความเข้าใจของผม ความเห็นของคุณสดศรีคงเป็นเรื่องให้ถกเถียงกันอีกหลายยกเพราะผมคิดว่าคุณจตุพร พรหมพันธุ์ ยังมีสิทธิ์เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในครั้งนี้ตามรัฐธรรมนูญเพราะ

1. แม้คุณจตุพร เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 100 (3) ต้องคุมขังอยู่โดยหมายของศาลหรือโดยคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย
2. แต่คุณจตุพร เป็นผู้มีสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งเป็นสส.ตามรัฐธรรมนูญ ม.101และ กกต.รับรองให้สมัครได้แล้ว
3. แม้คุณจตุพรไม่ได้รับการประกันตัวให้ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในครั้งนี้ คุณจตุพรจะเสียสิทธิ์ สมัครรับเลือกตั้ง ตามพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสส.สว.2550 มาตรา 26
4. แต่ ม. 27 ตาม พรบ.การเลือกตั้ง 2550 ก็เขียนไว้ชัดเจนแล้วว่า
การเสียสิทธิ์ตามมาตรา 26 ให้กำหนดตั้งแต่วันเลือกตั้งครั้งที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง จนถึงวันเลือกตั้งที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้ง สส. สว. สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น
สรุป ถ้าคุณจตุพร ไม่ได้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในครั้งนี้ คุณจตุพรจะเสียสิทธิ์สมัครสส.ในครั้งหน้า ไม่ใช่ครั้งนี้ครับ
แต่บาปของจตุพร พรหมพันธุ์ คงจะหนักหนาสาหัสมาก พรบ.ว่าด้วยพรรคการเมืองพ.ศ.2550 ม.20 เขียนไว้ว่า

ม. 20 สมาชิกภาพของสมาชิกสิ้นสุดเมื่อ

(1) ตาย
(2) ลาออก
(3) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 19

ม.19 ผู้ซึ่งจะเป็นสมาชิก(พรรคการเมือง-จขบ.)ต้องเป็นบุคคลธรรมดามีสัญชาติไทย มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตาม มาตรา 8 วรรคหนึ่ง............................

ในหมวดหนึ่ง การจัดตั้งพรรคการเมือง

ม. 8 (วรรคหนึ่ง) ผู้มีสัญชาติไทยโดยการเกิด หรือผู้มีสัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติซึ่งได้สัญชาติไทยมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปี มีอายุไม่ต่ำกว่าสิบแปดปีบริบูรณ์ และไม่มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ มีจำนานตั้งแต่ 15 คนขึ้นไปอาจรวมกันดำเนินการจัดตั้งพรรคการเมืองได้

คุณจตุพร พรหมพันธุ์เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 100 (3) ต้องคุมขังอยู่โดยหมายของศาลหรือโดยคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย

เมื่อคุณจตุพร พรหมพันธุ์ เป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้ง ซึ่งเป็นลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา 8 วรรคหนึ่ง ตามพรบ.พรรคการเมือง พ.ศ.2550 จึงเป็นผู้ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา19 ทำให้สมาชิกภาพของสมาชิกพรรคการเมืองของคุณจตุพรสิ้นสุดลงด้วย เมื่อไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองก็ไม่มีสิทธิ์สมัครรับการเลือกตั้ง

เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้แล สะใจ..................

กรรมออนไลน์ มาไวกว่าที่คิด 55555

พรบ.พรรคการเมือง พ.ศ. 2550

http://www.ect.go.th/newweb/upload/cms10/download/397-9809-0.pdf

พรบ.เลือกตั้ง สส.สว.2550
http://www.ect.go.th/newweb/upload/cms10/download/398-1417-0.pdf

แถลงการณ์ ทหาร ตำรวจ ประชาธิปไตย

แถลงการณ์ "ทหาร ตำรวจ ประชาธิปไตย 2554 ฉบับที่ 1"
แถลงการณ์ทหารตำรวจปชต. ลั่นไม่ยอมให้ใครบงการทำลายปชช.


แถลงการณ์ทหารตำรวจประชาธิปไตย ๒๕๕๔ ฉบับที่๑ สถานการณ์ความสงบร่มเย็นและความเจริญของประเทศไทยในห้วงที่ผ่านมาจนถึง ปัจจุบันปรากฏเด่นชัดว่าอำนาจทางทหารได้เข้าไปบงการและใช้อำนาจอันไม่ถูก ต้องก่อให้เกิดผลกระทบต่อความสงบสุขและความร่มเย็น และความเจริญของประเทศชาติดังกล่าว

กลุ่มทหารและตำรวจที่เป็นผู้บังคับหน่วยและฝ่ายเสนาธิการและอำนวยการใน ปัจจุบัน ได้เฝ้ามองกลุ่มอำนาจทางทหารดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตระหนักแน่ชัดในปัจจุบันว่า กลุ่มอำนาจดังกล่าวยังคงตั้งใจที่จะดำเนินการบงการอำนาจทางการเมือง ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งแน่นอนว่า จะเกิดผลกระทบต่อประเทศชาติและประชาชนอย่างแน่นอน

โดยอ้างถึง การปกป้องสถาบันมาเป็นข้ออ้าง ทำลายการปกครองในระบอบประชาธิปไตยตลอดมา ซึ่งแท้จริงเป็นการแอบอ้างสถาบัน เพื่อสร้างและรักษาอำนาจของตนเองไว้เท่านั้นนอกจากนี้ยังกระทำการเป็นภัย ร้ายแรงต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และทำลายสถาบันทหาร อีกทั้งยังเป็นกองทัพที่เลวร้ายเข่นฆ่าประชาชนของตนเองอย่างไร้มนุษยธรรมและ ไร้ยางอายต่อการกระทำของชายชาติทหารที่กระทำแล้วไม่ยอมรับการกระทำของตนเอง

ทหารตำรวจประชาธิปไตย ๒๕๕๔ จึงมิอาจจะปล่อยให้ผู้มีอำนาจทางทหารในปัจจุบันกระทำต่อประเทศชาติและ ประชาชนต่อไปได้ จึงแจ้งแถลงการณ์ฉบับนี้ มาสู่พี่น้องสื่อมวลชน เพื่อสื่อสารให้กองทัพและประชาชนได้ทราบโดยทั่วถึงกันว่า ทหารตำรวจประชาธิปไตย ๒๕๕๔ จะกระทำการดังต่อไปนี้

๑.จะใช้พลังอำนาจทั้งปวงที่มีอยู่ขัดขวางการกระทำของกองทัพที่จะทำลาย ระบอบประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นการปฏิวัติ การแทรกแซงการเลือกตั้ง การบีบบังคับนักการเมืองในการจัดตั้งรัฐบาล

๒.จะเปิดเผยหลักฐานข้อมูลการใช้งบประมาณของกองทัพอันเป็นการทุจริต คอรัปชั่น ของผู้นำกองทัพและการร่วมมือ การทุจริตของฝ่ายทหารและการเมือง

๓.จะเปิดเผยหลักฐานและข้อมูลการปฏิบัติการทางทหารของ ศอฉ.อันเป็นข้อมูลที่แท้จริง ของฝ่ายการเมืองและฝ่ายทหารที่ปฏิบัติการในห้วง ๑๐ เมษายน และ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓ และการสั่งการการสังหารประชาชนที่วัดปทุมวนาราม ทั้งเอกสารและคลิปเสียง

๔.จะเปิดเผยเบื้องหลังการสั่งการของชายชุดดำต่อการปฏิบัติการลับ ในการสังหารนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ทั้ง พล.ต.วลิต โรจนภักดี และ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล

แถลงการณ์ฉบับที่ ๑ นี้ กลุ่มทหารตำรวจประชาธิปไตย ๒๕๕๔ ขอถวายชีวิตเพื่อชาติและประชาชน และจะไม่ยอมให้กลุ่มอำนาจทางทหารมาบงการและทำลายประเทศชาติและประชาชนอีกต่อ ไปจึงแจ้งมาเพื่อทราบ

ทหารตำรวจประชาธิปไตย ๒๕๕๔

๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๔

http://www.bangkok-today.com/node/9435

พีเน็ตองค์กรกลาง (หว่างขา)


"ยิ่งลักษณ์ปฏิเสธเข้าร่วมดีเบตกับพีเน็ต"

แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ปฏิเสธเข้าร่วมดีเบตกับพีเน็ต อาจส่งคนในพรรคไปแทน พร้อมระบุไม่หวั่นพรรค ปชป.เปิดเวทีปราศรัยที่สี่แยกราชประสงค์

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่ออันดับ 1 พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนขึ้นเครื่องบินไปหาเสียงที่จังหวัดพิษณุโลกกรณี พรรคประชาธิปัตย์เปลี่ยนเวทีปราศรัยใหญ่จากลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการ กทม. ไปที่แยกราชประสงค์ ในวันที่ 23 มิถุนายนนี้ เป็นกลยุทธ์หนึ่งของพรรคประชาธิปัตย์ที่มีสิทธิ์ทำได้ และไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ แต่อยากให้ช่วยกันทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ แต่ในส่วนของพรรคเพื่อไทยคงต้องชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด และกระทบต่อคะแนนเสียงใน กทม. ส่วนที่ว่าจะกระทบกับแนวทางการปรองดองในชาติหรือไม่นั้น นางสาวยิ่งลักษณ์ เห็นว่าเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องอดทน และช่วยกันทำให้ประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง แล้วกลับมาสงบสุขอีกครั้ง ควรจะมาช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรเพื่อแก้ปัญหาเรื่องปากท้องของประชาชนจะดีกว่า

สำหรับกรณีที่พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร เปิดเผยว่าจะเดินทางกลับมาร่วมงานแต่งงานของลูกสาวในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งถูกตีความว่าจะมีการนิรโทษกรรมให้พันตำรวจโททักษิณนั้น นางสาวยิ่งลักษณ์ ยืนยันว่าไม่ใช่การนิรโทษกรรม คำพูดของพันตำรวจโททักษิณ เป็นการแสดงความรู้สึกของความเป็นพ่อที่อยากกลับมางานแต่งงานของลูกสาวเท่านั้น ซึ่งในเรื่องของการนิรโทษกรรมนั้น ขึ้นอยู่กับกระทรวงการยุติธรรม เพราะประเทศไทยเป็นนิติรัฐ เมื่อความยุติธรรมกลับคืนมาก็ค่อยมาพูดกันถึงเรื่องนี้

ส่วนเรื่องการดีเบตของกลุ่มพีเน็ตปลายเดือนนี้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ยืนยันว่าไม่สามารถไปร่วมได้เพราะมีตารางแผนงานการหาเสียงเต็มหมดแล้ว ดังนั้นถึงเป็นหน้าที่ของพรรคที่จะพิจารณาดูความเหมาะสมว่าจะส่งใครไป อาจส่ง นายโอฬาร ไชยประวัติ ไปร่วมดีเบตแทน เพราะนายโอฬารเป็นหนึ่งในทีมวางนโยบายของพรรค

บทเรียนที่ดินรัชดาฯ ของกองทุนฟื้นฟู


ดร.โสภณ พรโชคชัย*
... เป็นข่าวดังขึ้นมาอีกแล้ว ที่ดินข้างศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยซื้อคืนจากคุณหญิงพจมานนั้น เชื่อว่าหากขายคงขายได้ขาดทุน และนี่ยังเป็นบทเรียนของการเสพข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนเสียประโยชน์ได้!
... กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน กำลังจะเปิดจำหน่ายใบเสนอราคาเพื่อประมูลที่ดินข้างศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เนื้อที่รวม 33-0-81.8 ไร่ ในระหว่างวันที่ 19 กรกฎาคม 2554 ถึงวันที่ 1 สิงหาคม 2554 และได้กำหนดวันยื่นซองและเปิดซองประกวดราคาในวันที่ 17 สิงหาคม 2554 <1>
... ที่ดินแปลงนี้กองทุนฯ ซื้อคืนมาจากคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร ในราคา 772 ล้านบาท พร้อมด้วยค่าเสียหาย ค่าออกแบบอาคารที่จะก่อสร้างจำนวน 39 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากวันที่นัดชำระอีกประมาณ 40 ล้านบาท หรือรวมเป็นต้นทุนที่กองทุนฯ ได้จ่ายไปแล้วเป็นเงิน 851ล้านบาท นับถึงปลายปี 2552 <2> หากนับถึงปัจจุบันก็คงเป็นเงินเกือบ 1,000 ล้านบาทเข้าไปแล้ว
... ที่ดินแปลงนี้ซื้อขายตั้งแต่สิ้นปี 2546 ในราคา 772 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามราคาตลาด แม้กองทุนฯ จะซื้อมาในราคา 2,000 ล้านบาทในอดีตก็ตาม ซึ่งแสดงว่าตีราคาเกินจริงในอดีตที่ผ่านมา ถ้าการซื้อขายไม่ได้ตามราคาตลาดจริง คตส. หรือ คมช. คงฟ้องเอาผิดในประเด็นนี้มากกว่าการเอาผิดในแง่กฎหมายเรื่องสามีในฐานะนายกรัฐมนตรีลงนามให้ภริยาซื้อที่ดิน จนศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ มีมติ 5 ต่อ 4 ให้ลงโทษพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ♥>
... เงินจำนวน 772 ล้านบาทที่รัฐบาลได้ไป ณ สิ้นปี 2546 ถ้าคิดจากดอกเบี้ย 7.5% ตามที่ศาลวินิจฉัยข้างต้น บัดนี้ก็เป็นเงินสูงถึง 1,377 ล้านบาทแล้ว การประมูลซื้อ ณ ปี 2554 จะได้เงินถึงจำนวนนี้หรือไม่ ในฐานะที่ผู้เขียนเป็นผู้ประเมินค่าทรัพย์สิน เชื่อว่า จะไม่สามารถประมูลได้สูงถึง 1,377 ล้านบาท การนี้แสดงให้เห็นว่า การที่กองทุนฯ ซื้อที่ดินคืนมาและทั้งยังเพิ่มต้นทุนที่ดินเป็นเกือบพันล้านจากดอกเบี้ยที่จ่ายไปและค่าออกแบบอาคารของคุณหญิงพจมาน ทำให้กองทุนฯ กลับยิ่งขาดทุนกว่าการขายไปให้กับคุณหญิงพจมานเสียอีก
... ทำไมราคาที่ดินแปลงนี้จึงไม่เพิ่มขึ้นถึง 1,377 ล้านบาท สาเหตุก็คือศักยภาพของที่ดินมีข้อจำกัดทางกฎหมายตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร <4> ที่ห้ามก่อสร้างห้องแถวหรือตึกแถว อาคารที่สูงเกิน 9 เมตร อาคารที่มีพื้นที่รวมเกิน 1,000 ตารางเมตร โรงงาน อาคารที่ใช้ประกอบการค้าซึ่งเป็นที่รังเกียจ สถานบริการ โรงแรม โรงมหรสพ ตลาด สถานที่เก็บสินค้า สถานที่เก็บและจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง สถานที่เก็บวัตถุระเบิด หอถังน้ำ สุสาน และป้ายโฆษณา <4> ทั้งนี้เพื่อไม่ให้บังทัศนียภาพของศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
... การที่ที่ดินแปลงนี้มีข้อจำกัดมากมายขนาดนี้ ทำไมคุณหญิงพจมานจึงซื้อในราคาตลาดและซื้อในราคาที่สูงกว่าผู้ประมูลรายอื่นในปี พ.ศ.2546 กรณีนี้คงเป็นข้อยกเว้น เนื่องจากผู้ซื้อต้องการซื้อไปสร้างเป็นที่อยู่อาศัย แบบที่จะสร้างคงเป็นคฤหาสน์เพื่อให้สมฐานะ กรณีที่อยู่เหนือกลไกตลาดเช่นนี้ก็คงคล้ายกับกรณีบ้านของคหบดีใหญ่ เช่น บ้านของ มรว.คึกฤทธิ์ ย่านสวนพลูที่ไม่รื้อไปทำอาคารชุดตามความต้องการตลาด เพราะทายาท คงมีฐานะดี ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น แต่กลับรักษาสภาพเดิมไว้เป็นอนุสรณ์สถาน เป็นต้น
... ในห้วงหนึ่งของการกล่าวโทษ พ.ต.ท.ทักษิณ มีข่าวร่ำลือหนาหูว่า หลังจากที่ครอบครัวนี้ซื้อที่ดินดังกล่าวไปแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ใช้อำนาจทางการเมืองแก้ไขข้อกฎหมาย อนุญาตให้ตนสามารถก่อสร้างสูงได้ ทำให้ราคาที่ดินเพิ่มสูงขึ้น ข้อนี้ไม่เป็นความจริง อย่างไรก็ตามการชี้ถึงประเด็นนี้อาจมีความอ่อนไหวทางการเมือง แต่ผู้เขียนขอยืนยันในความเป็นกลาง และเขียนตามหลักวิชาการ ไม่ได้มีส่วนสนับสนุนหรือทำลายทางการเมืองแก่ฝ่ายใด
... ความจริงปรากฏว่าข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครดังกล่าวยังอยู่จนถึงทุกวันนี้ หากยังจำข่าวเรื่อง “จีนทุ่มงบสร้างศูนย์วัฒนธรรมในไทย” <5> มูลค่า 1,200 ล้านหยวนหรือ 5,600 ล้านบาทข้างศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยนั้น ปรากฏว่าในตอนแรกไม่สามารถสร้างได้เพราะติดข้อกฎหมายนี้ที่ยังไม่เคยมีการยกเลิก แต่ในที่สุดที่ประชุมคณะรัฐมนตรีก็มีมติให้แก้ไขศูนย์วัฒนธรรมจีน สามารถสร้างอาคารหอประชุม พื้นที่ 2,800 ตามรางเมตร สูง 12.55 เมตร 2 อาคาร และอาคารอื่น ๆ <6>
... ล่าสุดข่าวเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2553 ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เสนอญัตติร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครฉบับใหม่ เรื่อง กำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง ใช้หรือเปลี่ยนแปลงการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท บริเวณโดยรอบศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ในท้องที่แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร (ฉบับที่...) พ.ศ... แก่สภากรุงเทพมหานคร สภาฯ มีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการวิสามัญพิจารณา โดยไม่กำหนดระยะเวลาในการพิจารณา <7>
... ดังนั้นข่าวเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ สั่งแก้ข้อกฎหมายการควบคุมการใช้ที่ดินเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับครอบครัว จึงไม่เป็นความจริง กรณีนี้ไม่ได้แก้ต่างแทน พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เป็นข้ออุทาหรณ์ให้ผู้เกี่ยวข้องในแวดวงวิชาการอสังหาริมทรัพย์ได้ทราบไว้ เพราะในช่วงที่ผ่านมา มีครูบาอาจารย์หลายท่านพูดไปในทำนองเดียวกันนี้ ผู้ที่ไม่ได้ตรวจสอบก็เชื่อตาม ๆ กันไป การขาดการตรวจสอบข้อมูลเป็นจุดอ่อนสำคัญ หากใครไปหลงซื้อที่ดินที่มีข้อจำกัดในการก่อสร้างและมีศักยภาพจำกัดในราคาสูง ก็อาจได้รับความเสียหายในการลงทุน
... อย่างไรก็ตาม ในความเห็นของผู้เขียน การที่ทางราชการจะจำกัดการก่อสร้างใด ๆ ไม่ว่าจะโดยรอบสถานที่สำคัญ หรือริมถนนระยะ 15 เมตรแรกจากเขตทาง หรืออื่นใดในภายหลัง รัฐบาลสมควรชดเชยการด้อยสิทธิ์ที่เกิดขึ้นจากการบังคับใช้กฎหมายด้วย หาไม่ก็จะเป็นการใช้อำนาจบาตรใหญ่ในการกำหนดการใช้ที่ดิน และทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมในหมู่ประชาชนนั่นเอง

อ้างอิง
<1> จากข่าว “กองทุนฟื้นฟูฯ กำหนดเปิดขายซองประมูลที่ดินรัชดาฯ 19 ก.ค.-1 ส.ค.นี้” ASTVผู้จัดการออนไลน์ 31 พฤษภาคม 2554 ณ www.manager.co.th/stockmarket/viewnews.aspx?NewsID=9540000066335
<2> จากข่าว “ศาลสั่งกองทุนฟื้นฟูฯคืนเงิน ‘คุณหญิงพจมาน’” กรุงเทพธุรกิจ 24 กันยายน 2553 ณ http://bit.ly/l8JAmE 
♥> ข่าว “ศาลฏีกาสั่งจำคุก ‘ทักษิณ’ 2 ปี – ‘พจมาน’ รอด” กรุงเทพธุรกิจ 21 ตุลาคม 2551 ณwww.rssthai.com/reader.php?t=local&r=12594
<4> ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง กำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง ใช้หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภทบริเวณโดยรอบศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ในท้องที่แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2532 โปรดดู ณ http://cpd.bangkok.go.th:90/bma/bmalaw/Reg1.24.htm
<5> ข่าว “จีนทุ่มงบสร้างศูนย์วัฒนธรรมในไทย” ณ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ 11 พฤศจิกายน 2553 ณhttp://thairecent.com/Education/2010/750324
<6> ข่าว “กทม.เว้นข้อบัญญัติ ครม.ให้ตั้งศ.วัฒนธรรมจีน” ไทยรัฐ 26 พฤษภาคม 2552 ณwww.thairath.co.th/content/edu/8579
<7> ข่าว “ขอความเห็นชอบออกข้อบัญญัติก่อสร้างรอบศูนย์วัฒนธรรม” ไทยรัฐ 27 พฤศจิกายน 2553www.thairath.co.th/content/region/129940


ที่มา : http://www.facebook.com/photo.php?fbid=2009453311739&set=a.1202167690103.31710.1105899523&type=1&ref=notif&notif_t=like