กองทัพกับการเมืองไทย 1

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1293447148&grpid=&catid=02&subcatid=0207
วันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2553 เวลา 20:00:00 น.แบ่งปันข่าวนี้บน facebook Share



โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์



เวลานี้มีการอภิปรายถกเถียงในเว็บไซต์ต่างประเทศแห่งหนึ่ง ซึ่งสนใจศึกษาประเทศไทยโดยเฉพาะว่า กองทัพไทยเป็นปัจจัยสำคัญสุดทางการเมืองใช่หรือไม่ หรือกองทัพเป็นเพียงเครื่องมือของอำนาจนอกระบบในการแทรกแซงจัดการทางการเมืองเท่านั้น

คิดอีกทีข้อถกเถียงนี้ก็ประหลาดนะครับ กองทัพในประเทศอุษาคเนย์ทุกประเทศล้วนมีบทบาทสำคัญทางการเมืองอย่างยิ่งทั้งนั้น จนกลายเป็นหัวข้อศึกษาที่นักวิชาการเฝ้าศึกษาวิเคราะห์มานาน และมักจะวิเคราะห์กันเหมือนว่ากองทัพเป็นตัวละครอิสระ โดยไม่ได้เชื่อมโยงกับอำนาจอื่นๆ ที่มีอยู่ในสังคมเลย

ครั้นมาถึงตอนนี้ การเมืองไทยมักถูกวิเคราะห์ในแนวว่ามีอำนาจนอกระบบ, มือที่มองไม่เห็น, หรือเครือข่ายทางเศรษฐกิจที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง เป็นปัจจัยชี้ขาด จนกระทั่งบางทีก็ลืมกองทัพไปเลย

ผมคิดว่า ความจริงคงอยู่ระหว่างสุดโต่งสองด้านนี้ กล่าวคือกองทัพเป็นตัวละครหนึ่ง ซึ่งมีผลประโยชน์, ความต้องการ, ความใฝ่ฝัน ฯลฯ ที่เป็นของตัวเอง แต่ตัวละครตัวเดียวนี้ไม่สามารถปฏิบัติการทางการเมืองแต่ลำพังได้ ต้องเชื่อมโยงกับอำนาจอื่นๆ ทั้งที่อยู่ในระบบ, นอกระบบ, และปริ่มๆ ระบบ อีกทั้งที่เข้าไปเชื่อมโยงก็ไม่ใช่เพราะกองทัพตัดสินใจได้เองเพียงอย่างเดียว หากเชื่อมโยงเพราะสถานการณ์ชักจูงไปก็ไม่น้อย เหมือนตัวละครในการเมืองไทยอื่นๆ แหละครับ

แต่ก่อนจะพูดถึงพันธมิตรหรือเครือข่ายของกองทัพ ผมคิดว่ามาเริ่มต้นกับผลประโยชน์ของกองทัพในการเข้าไปมีบทบาทและอำนาจกำกับ (ระดับหนึ่ง) ในการเมืองไทยกันเสียก่อน

ผลประโยชน์ในที่นี้ ผมจะไม่รวมผลประโยชน์ทางอุดมการณ์ เช่น ทหารถูกทำให้เชื่อว่าตนมีหน้าที่ปกป้องราชบัลลังก์ และผดุงความเป็นชาติไทยเอาไว้ และผมไม่นับการที่นายพลได้กินสินบนในการสั่งซื้ออาวุธและอื่นๆ ว่าเป็นผลประโยชน์ของกองทัพ

เท่าที่ผมนึกออก ผมคิดว่ากองทัพได้รับผลประโยชน์จากการเข้าไปมีอำนาจและบทบาททางการเมืองไทยดังนี้

อันแรกคืองบประมาณ เป็นหลักประกันว่ากองทัพจะได้งบประมาณจำนวนมาก ในช่วงสี่ปีหลังการรัฐประหาร 19 กันยายน งบประมาณกองทัพพุ่งขึ้นตลอดมา จนกระทั่งในปัจจุบันเมื่อเปรียบเทียบงบประมาณทหารต่อจีดีพีแล้ว งบประมาณทหารไทยดูเหมือนจะอยู่สูงสุดในประเทศอาเซียนด้วยกัน (และแน่นอนว่าสูงกว่าประเทศอียูทั้งมวล)

แน่นอน ส่วนหนึ่งของงบฯนี้ ถูกแบ่งไปซื้อเรือเหาะที่เหาะไม่ได้ เครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดที่ใช้อคติเป็นพลังงาน รถถังที่ไม่มีเครื่อง ฯลฯ แต่ที่ผมอยากพูดถึงมากกว่าก็คือ ทหารก็เหมือนข้าราชการอื่นๆ กล่าวคืออยากจะพิสูจน์ความชอบธรรมของหน่วยตนเอง ด้วยการแสดงสมรรถนะให้สังคมยอมรับ กองทัพเลือกการมีอาวุธยุทธภัณฑ์ที่ทันสมัยเป็นเครื่องหมายแห่งสมรรถนะ (จะถูกหรือผิดคงเถียงกันได้)

ยิ่งกว่าหน่วยราชการทั่วไปด้วย กองทัพจะพิสูจน์ความชอบธรรมของการมีอยู่ของตนได้น้อยลง เพราะโลกข้างหน้าเท่าที่จะพอมองเห็นได้ คงไม่มีสงครามใหญ่กระทบมาถึงไทย นับวันภารกิจของกองทัพต้องหันมาสู่กิจการภายในมากขึ้น นับตั้งแต่ปราบยาเสพติด, ปราบจลาจล, ช่วยน้ำท่วม และสวนสนาม ฉะนั้นการป้องกันงบประมาณกลาโหมจะยิ่งยากขึ้น อย่าพูดถึงของบฯเพิ่มเลย แม้แต่จะรักษางบฯเก่าให้คงเดิมก็ยากแล้ว

การแผ่รังสีอำมหิตเข้าครอบงำการเมืองจึงเป็นหนทางหนึ่งที่จะประกันว่างบประมาณทหารจะเพิ่มขึ้นตามลำดับตลอดไป

ทั้งนี้ ยังไม่พูดถึงการประกอบภารกิจภายในบางอย่าง ต้องการอำนาจทั้งในกฎหมายและเหนือกฎหมาย เพื่อปฏิบัติภารกิจให้ลุล่วงได้ง่ายด้วย เช่น ผลักดันชนกลุ่มน้อยจากประเทศเพื่อนบ้านกลับ, ปราบยาเสพติด, ปราบจลาจล และแหะๆ ยึดอำนาจ

ผลประโยชน์อย่างที่สองคือทรัพยากร อย่านึกว่ากองทัพไทยมีแต่ปืนและเครื่องแบบ ที่จริงแล้วกองทัพครอบครองทรัพยากรจำนวนมาก ซึ่งมีมูลค่าทางธุรกิจสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ที่สำคัญสองอย่างคือที่ดินและคลื่นความถี่ ทรัพยากรเหล่านี้ดำรงอยู่ได้ด้วยอำนาจทางการเมืองที่กองทัพมีอยู่ ยกตัวอย่างที่เห็นได้ง่ายๆ หากทหารไม่มีอำนาจทางการเมืองอยู่เลย ระเบียบอำนาจหน้าที่ของ กสทช.ที่รัฐเพิ่งเสนอ ก็คงริบเอาคลื่นความถี่ด้าน "ความมั่นคง" ทั้งหมด กลับมาให้คณะกรรมการพิจารณา ไม่ใช่สงวนไว้นอกอำนาจของ กสทช.หน้าตาเฉยอย่างนี้

ที่ดินซึ่งหวงห้ามไว้ในราชอาณาจักรอีกจำนวนมหึมา สมัยที่หวงห้ามยังเป็นป่าเขาที่ห่างไกล แต่บัดนี้กลายเป็นพื้นที่ใกล้หรือในเมือง เพราะการขยายตัวของพื้นที่เมืองในประเทศไทย ย่อมเป็นแหล่งรายได้ทางธุรกิจมหาศาล ไม่พูดถึงการหาประโยชน์เข้ากระเป๋าของนายทหาร หากกองทัพนำมาใช้ประโยชน์ในทางธุรกิจ กองทัพก็จะมีเงินรายได้นอกงบประมาณไว้ใช้สอยอีกจำนวนมหึมา (มากกว่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเสียอีก)

แม้ทรัพยากรเหล่านี้ไม่ใช่สมบัติส่วนตัวของนายพลคนใด แต่เป็นสมบัติของกองทัพที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ ฉะนั้นถึงอย่างไรก็ต้องรักษาเอาไว้ จะรักษาไว้ได้ก็ต้องควบคุมการเมืองในระดับหนึ่ง เช่น อย่าให้มีใครกล้าออกกฎหมายที่ดินซึ่งจะทำให้กองทัพสูญเสียทรัพยากรที่ดินในครอบครองไป

ผลประโยชน์อย่างที่สามคือโอกาสทางธุรกิจของนายทหาร เพราะอำนาจของกองทัพในการเมืองนี่เอง ธุรกิจจึงนิยมใช้ประโยชน์จากเส้นสายของนายทหารนอกราชการ ทหารเกษียณหลายคนได้ดำรงตำแหน่งกรรมการ หรือที่ปรึกษาบริษัทเอกชน ยังไม่พูดถึงรัฐวิสาหกิจ อย่ามองเรื่องนี้เพียงผลประโยชน์ของนายทหารบางคนเท่านั้น นั่นก็ใช่แน่

แต่หากมองว่าระบบบำนาญของกองทัพนั้น มีหลักประกันด้านสวัสดิการที่เหนือกว่าข้าราชการทั่วไป เป็นระบบสวัสดิการของกองทัพซึ่งจะรักษาไว้ให้ดำรงอยู่ต่อไปได้ ก็ต้องมีอำนาจในการเมือง

อีกเรื่องที่ผมอยากพูดถึงไว้ด้วยก็คือเรื่องของ redistribution หรือการกระจายทรัพย์สมบัติกลับสู่บุคลากรในกองทัพ

ทหารไทยมีประเพณีของ redistribution สูง นับตั้งแต่เลี้ยงเหล้าไอ้เณร ไปจนถึงแบ่งทรัพยากรของกองทัพให้ลูกน้องที่อยู่ในสังกัดของตนได้ดูแล (และบริโภค) เพราะเราจัดความสัมพันธ์ภายในกองทัพในลักษณะนาย-ไพร่ของกองทัพโบราณ เมื่อยึดทรัพย์จับเชลยมาได้ ก็แบ่งปันกันในหมู่ไพร่ในสังกัด ฉะนั้นต้องเข้าใจด้วยว่าผลประโยชน์ที่กองทัพมี หรือที่นายทหารเม้มใส่กระเป๋าของตนนั้น อย่างน้อยก็ส่วนหนึ่งถูกจำหน่ายจ่ายแจกไปในกองทัพ-ในรูปต่างๆ-อยู่พอสมควร

ภารกิจที่จะต้องมีอำนาจเหนือการเมือง จึงเป็นภารกิจที่บุคลากรในกองทัพยอมรับได้ว่าเป็นภารกิจร่วมกันของกองทัพ

จะมีอำนาจเหนือการเมืองได้ ก็ต้องเป็นตัวละครอิสระทางการเมือง กล่าวคือมีความต้องการและทิศทางของตนเอง จะเป็นอย่างนั้นก็ต้องรักษาอิสรภาพของตนไว้ให้ได้ นี่คือเหตุผลที่กองทัพไม่ไว้ใจนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง เพราะเผลอเมื่อไรก็มักจะแทรกเข้ามาลดอิสรภาพของกองทัพเสมอ ผบ.กองทัพนั้น กองทัพอยากเป็นคนเลือกเอง เพราะ ผบ.ที่เป็นอิสระเท่านั้น ที่จะไม่นำกองทัพไปเป็นเครื่องมือของใคร (อย่างไม่มีข้อแลกเปลี่ยนเลย)

แต่อำนาจของกองทัพเหนือการเมืองนั้น ไม่ได้มาจากรถถัง, ทหารป่าหวาย, หรือปืนยิงเร็ว ฯลฯ นั่นก็ใช่ส่วนหนึ่ง แต่ไม่ใช่ส่วนสำคัญ กองทัพจะยึดอำนาจหรือรักษาอำนาจของตนในการเมืองไว้ได้ ก็เพราะกองทัพได้รับความเห็นชอบจากส่วนอื่นๆ ที่มีพลังในสังคม

เมื่อตอนที่กองทัพทำรัฐประหารสำเร็จ นายแบงก์และนายทุนธุรกิจพากันหิ้วกระเช้าไปแสดงความยินดีกับหัวหน้าคณะรัฐประหาร ที่จริงแล้วเขาพากันไปแสดงความยินดีกับตนเองไปพร้อมกันด้วย

เพราะการยึดอำนาจครั้งนั้นเขาเห็นชอบ และบางครั้งถึงกับเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินอยู่เบื้องหลังบางส่วนด้วยซ้ำ

ฉะนั้น เราจึงจะเข้าใจบทบาททางการเมืองของกองทัพได้ ก็โดยการดูความสัมพันธ์เชื่อมโยงระหว่างกองทัพกับ "พันธมิตร" เหล่านี้ และที่น่าสนใจเป็นพิเศษก็คือ ความสัมพันธ์นี้ไม่ได้อยู่คงที่ แต่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนไปอยู่ตลอดเวลา เพราะ "พันธมิตร" ก็ต้องการเป็นตัวละครอิสระในทางการเมืองเหมือนกัน ต่างฝ่ายต่างเปลี่ยนข้างเปลี่ยนสี เปลี่ยนจุดเน้นแห่งพันธะ และเปลี่ยนการดำเนินการทางการเมืองอยู่ตลอดเวลา อันเป็นผลกระทบไปถึงการเมืองภายในของกองทัพเองด้วย และแน่นอนย่อมมีผลให้เกิดพลวัตที่แฝงอยู่ในการเมืองไทย

กลุ่มที่เข้ามามีบทบาทบนพื้นที่ทางการเมืองไทย นับจาก 14 ตุลาเป็นต้นมา มีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว (รวมทั้งเพิ่มเข้ามาใหม่อย่างไม่หยุดหย่อนด้วย) ทำให้อำนาจดิบของกองทัพยิ่งไร้ประสิทธิภาพมากขึ้น การล่มสลายของคณะ รสช.ในเดือนพฤษภาคม 2535 พิสูจน์ว่าอำนาจดิบอย่างเดียวใช้คุมการเมืองไม่ได้ กองทัพเหลียวมองข้างหลังแล้วพบว่า "พันธมิตร" ของตนส่วนใหญ่เผ่นป่าราบไปแล้ว บางส่วนถึงไม่ได้เผ่น ก็เริ่มแทงกั๊ก คือผลักภาระให้กองทัพรับผิดชอบไปแต่ผู้เดียว

ยิ่งย้อนกลับไปถึง 14 ตุลา ก็ยิ่งเห็นได้ชัดว่า บางส่วนของ "พันธมิตร" ลอบแทงข้างหลังกองทัพมาแต่ต้น เป็นผลให้เกิดความแตกแยกภายในกองทัพอย่างหนัก แต่พัฒนาการทางการเมืองหลังจากนั้น กลับดึงให้ "พันธมิตร" บางกลุ่มต้องหันกลับมาร่วมมือกับบางส่วนของกองทัพ เพื่อผดุงอำนาจต่อรองของตนในการเมืองเอาไว้

ฉะนั้น ที่ผมเรียกว่า "พันธมิตร" ของกองทัพนั้น ไม่สู้จะถูกต้องนัก เพราะกลุ่มเหล่านี้อาจจับมือกับกองทัพในบางสถานการณ์ และหันหลังให้กองทัพในอีกสถานการณ์หนึ่งได้ ที่ถูกต้องกว่าก็คือกลุ่มคนเหล่านี้เป็น "หุ้นส่วน" ในการเมืองไทย ร่วมหุ้นกันบ้าง ถอนหุ้นกันบ้าง แล้วแต่จังหวะไหนจะทำกำไรได้มากกว่า

ในตอนหน้า ผมจะพูดถึงเรื่องนี้

ช็อก!วิกิปูดพธม.วางแผนสาวกตาย2โหลปูทางปฏิวัติ พลาดเป้าดับแค่2 โจกลิ้มแถWikileaksมั่ว




วีรชนหรือเหยื่อ?-แกนนำพันธมิตรฯยกย่องให้สารว้ตรจ๊าบกับน้องโบว์เป็นวีรชน แต่จากข้อมูลที่แฉโดยวิกิลีกส์ล่าสุดชี้ว่าทั้งสองอาจเป็นเหยื่อของแผนการที่แกนนำกระหายเลือดที่หวังว่าจะมีผู้เสียชีวิตซัก 20 คนเพื่อปูทางให้ทหารทำรัฐประหาร


โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
ที่มา มติชนออนไลน์ และ นสพ.The Guardian

มติชนออนไลน์รายงานว่า เมื่อไม่นานมานี้ วิกิลีกส์ได้เผยแพร่เอกสารรายงานของนายอีริค จี. จอห์น อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ว่า เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2551 หนึ่งเดือนหลังเหตุการณ์ 7 ตุลาคม 2551 นายจอห์นรายงานถึงการสนทนากับสมาชิกตระกูลมหาเศรษฐีของไทยคนหนึ่งที่มีเส้นสายกว้างขวาง ซึ่งวิกิลีกส์ลบชื่อออก (ใช้ชื่อ สมมุติว่า นาย ก.) มีการสนทนากันหลายเรื่อง และในตอนหนึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ 7 ตุลาคม 2551 โดยระบุถึงการวางแผนของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

"นาย ก.เชื่อว่าพันธมิตรยังวางแผนจะให้เกิดการนองเลือดระหว่างประชาชนกับเจ้าหน้าที่จนทำให้ทหารออกมายึดอำนาจ นาย ก.เสริมคำพูดของเขาด้วยข้อมูลที่ว่า เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม เขาร่วมทานอาหารเย็นกับผู้นำพันธมิตรคนหนึ่ง ซึ่งผู้นำพันธมิตรคนนั้นบอกเขาว่าพันธมิตรเตรียมยั่วยุให้รัฐใช้ความรุนแรงในระหว่างการประท้วงหน้ารัฐสภาในวันรุ่งขึ้น คือ 7 ตุลาคม ผู้นำพันธมิตรคนนั้นได้คาดการณ์ว่า ทหารจะออกมายึดอำนาจในคืนวันที่ 7 ตุลาคม นาย ก.ยังยืนยันว่า แม้จนขณะที่พูดกันอยู่ พันธมิตรยังหวังจะสร้างสถานการณ์ปะทะขึ้นใหม่เพื่อให้คนตายอีกสักกว่า 20 ศพ อันจะทำให้การที่ทหารออกมายึดอำนาจสมเหตุผล"

เหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม 2551 มีผู้ชุมนุมพันธมิตรเสียชีวิต 2 รายคือน้องโบว์กับสารว้ตรจ๊าบ ตกเย็นวันนั้นมีรถถังของทหารขับมาลานพระรูปทรงม้า ท่ามกลางการโห่ร้องดีใจของผู้ชุมนุม แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อผู้นำทางทหารอ้างว่ามาเพื่อรักษาความสงบ ไมได้ออกมายึดอำนาจตามที่ผู้ชุมนุมพันธมิตรโหยหา

มติชนรายงานข่าวนี้ในเวลา20.20 น.เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. แต่จนกระทั่งถึงเวลา08.30น.เช้าวันนี้(25ธ.ค.)ยังไม่มีปฏิกริยาใดๆจากเวบไซต์ASTVผู้จัดการ กระบอกเสียงชวนเชื่อของพันธมิตร ซึ่งปกติทำตัวเป็นไม้เบื่อไม้เมากับมติชน

อย่างไรก็ตามนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้นำพันธมิตรได้พูดผ่านรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ออกอากาศทาง เอเอสทีวี ช่วงเวลา 20.30-22.30 น. วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม โดยแก้ตัวให้ชนชั้นนำของไทยกรณีกล่าวพาดพิงในทางมิบังควรต่อรัชทายาทว่า ขบวนการข่าวลับระหว่างประเทศ มักตีไข่ใส่สีเลือกข้าง ล้วงความลับจากคนวงในแล้วแอบอ้างชื่อคนมีชื่อเสียง ดังนั้นความเห็นในข้อความที่ "วิกิลิกส์" แฮ็กข้อมูลของไทยจึงไม่จริงทั้งหมด มั่นใจ พล.อ.เปรม ไม่ซี้ซั้วคุยปฎิวัติ 19 ก.ย.

ผมจะบอกให้ ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเรา ไม่ซี้ซั้ว อย่าง พล.อ.เปรม ท่านไม่ซี้ซั้วคุยอย่างนี้หรอก ธรรมดาคนใกล้ชิดท่านยังไม่คุยเลย


อย่างไรก็ตามสนธิไม่ได้กล่าวถึงเรื่องที่วิกิลีกส์แฉข้อมูลผู้นำพันธมิตรวางแผนให้คนตายจำนวนมากเพื่อปูทางไปสู่การรัฐประหาร แต่แผนการล้มใหลวเพราะมีคนตายแค่ 2 คนแต่อย่างใด


*************
ข้อมูลเรื่องนี้ของวิกิลีกส์ที่หนังสือพิมพ์GUARDIANเผยแพร่:THAKSIN'S ENEMIES' PLANS FOR VIOLENCE ซึ่งในข่าวนี้บอกว่าผู้นำพันธมิตรวางแผนว่าน่าจะเกิดการตายไม่น้อยกว่า 2 โหล( two dozen deaths )

-------------------------------------

9. (C) XXXXXXXXXXXX believed PAD continued to aim for a violent clash that would spark a coup. He asserted that he had dined on October 6 with a leading PAD figure (NFI), who explained that PAD would provoke violence during its October 7 protest at the parliament. The unnamed PAD figure predicted (wrongly) that the Army would intervene against the government by the evening of October 7.

XXXXXXXXXXXX asserted to us that PAD remained intent on a conflict that would generate at least two dozen deaths and make military intervention appear necessary and justified


http://thaienews.blogspot.com/2010/12/20-2-wikileaks.html

ชนชั้นกลวง'หล่อเซอร์เหี้ย'แต่งเพลงยิงหัวแกนนำเสื้อแดง เหยียดเชื้อชาติลาวจนถูกเฉดพ้นบทพระเอก




ที่มา มติชนออนไลน์ และบอร์ดIF

กระดานสนทนาชุมชนคนเสื้อแดง ได้พากันประกาศแบน เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ ที่ออกมาแต่งเพลง"กระสุนปืน"ด้วยความสะใจให้ยิงหัวแกนนำเสื้อแดง หลังจากก่อนหน้านี้เคยแสดงความสถุลดูถูกผู้หญิงลาว จนโดนถอดออกจากบทพระเอกหนังสบายดีหลวงพระบาง ภาค 2 มาทีแล้ว

ทั้งนี้มติชนออนไลน์ รายงานข่าว เรื่อง "เป้ อารักษ์"เปิดใจแต่งเพลง"กระสุนปืน"จากเหตุการณ์จริง ตอนนั้นโกรธมีแต่"แพะ"ถูกยิง ว่า เห็นเป็นหนุ่มเนื้อหอมคิวทองแห่งปี ล่าสุดรับบทเป็นพระเอกภาพยนตร์น่ารักอย่าง "สุดเขต สเลดเป็ด" หนุ่มเป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ หนุ่มมาดเซอร์ ไม่น่าเชื่อว่ายังมีเวลามาผลิตผลงานอัลบั้มเดี่ยวครั้งแรก ที่ใช้ชื่อว่า "ออโต้อีโรติก" ซึ่งมีเพลงวิจารณ์สิ่งรอบตัว รวมถึงสถานการณ์การเมืองอย่างถึงพริกถึงขิง

หนุ่มเป้ เปิดเผยว่า ในอัลบั้มนี้มีเพลงทั้งหมด 15 เพลง บางเพลงถูกเขียนขึ้นมาระหว่างเกิดเหตุการณ์การปะทะระหว่าง 2 กลุ่มการเมือง ชื่อว่า "กระสุนปืน" ซึ่งเพลงนี้มีความเป็นจริง ภายหลังขับรถไปรับเพื่อนในซอยงามดูพลี ซึ่งเป็นพื้นที่ใจกลางการปะทะ เพื่อนโทรมาบอกให้ไปรับหน่อย เพราะออกมาไม่ได้ ไม่มีอาหารทานแล้ว ตนก็ขับรถปิดไฟไปรับเองเลย พอไปถึงกลางซอยก็ได้ยินเสียงปืนดัง จึงเกิดเพลงนี้ขึ้นมา เหมือนเป็นการระบายความรู้สึกของเรา

อย่างไรก็ตาม นักร้องมาดเซอร์ กล่าวว่า ปกติแล้วไม่ใช่เป็นคนที่ติดตามข่าวสารบ้านเมือง แต่ในขณะนั้นเป็นช่วงประกาศการห้ามออกจากเคหสถาน(เคอร์ฟิว) จึงมีแต่ข่าวในโทรทัศน์ที่ดูได้

"ผมไม่ได้เป็นสีเหลือง หรือสีแดง ไม่ได้เป็นฝ่ายไหนทั้งนั้น แต่เพลงนี้ผมแต่งด้วยความ real (ความจริง) มันเกิดจากความรู้สึกว่า กระสุนปืนถูกยิงไปถูกคนปลายแถว มีแต่แพะ มีแต่เหยื่อที่ไม่รู้เรื่อง ผมก็เลยแต่งเพลงระบายว่าทำไมไม่ใช้กระสุนปืนยิงพวกหัวแถวไปเลย ถ้ายิงแล้วมันจะได้จบ ด้วยอารมณ์โกรธในตอนนั้น" เป้ อารักษ์ กล่าว

เป้ กล่าวเพิ่มเติมว่า แต่ตอนนี้รู้แล้วว่ากระสุนปืนไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เหมือนที่ "มหาตมา คานธี" ถูกลอบสังหาร ปัญหาความขัดแย้งก็ไม่ได้สิ้นสุดลง

เผยเพิ่งปากหมาว่าผู้หญิงลาวจนสบายดีหลวงพระบาง2ถอดจากพระเอก

นอกจากมีทัศนคตินิยมความรุนแรงแล้ว เป้-อารักษ์ยังมีชื่อเสียงการดูถูกเหยียดเชื้อชาติอีกด้วย โดยเขาเคยถูกถอดจากบทพระเอก ภาพยนตร์เรื่อง"สะบายดีหลวงพระบาง ภาค2" เนื่องจากไปพูดดูถูกผู้หญิงลาวว่า สวยสู้ผู้หญิงไทยไม่ได้ ทั้งที่นางเอกในเรื่องเป็นผู้หญิงลาว ทำให้รัฐบาลลาวไม่พอใจ จนต้องเปลี่ยนตัวพระเอก และกระทบต่อหนังเรื่องนี้ให้ล่าช้าออกไปเป็นปี

แต่เป้ก็ยังหลุดปากเน่าๆออกมาว่า "คือในส่วนของคนลาวเอง ผมก็ไม่รู้ว่าเขาคิดมากรึเปล่า.."( รายละเอียด )

ข่าวคึกโครมระดับโลกที่เงียบเชียบในสื่อไทย

ข่าวคึกโครมระดับโลกที่เงียบเชียบในสื่อไทย วิกิลีกส์ตีแผ่อีกเปรม-อานันท์ปูดข้อมูลลับระดับสูงสู่ทูตสหรัฐ



เย้ยหยันเสรีภาพสื่อไทย- "คุณปลื้ม"ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล ผู้ดำเนินรายการDAILY DOSE ทางVOICE TV เย้ยหยันเสรีภาพสื่อไทยกลางรายการทีวี กรณีปิดปากงดออกข่าววิกิลีกส์แฉชนชั้นนำไทย ด้วยการนำพลาสเตอร์มาปิดปากเมื่อเล่าข่าวการแฉบุคคลระดับสูงแทรกแซงการเมือง แต่สื่อไทยพากันเซ็นเซอร์ตัวเองด้วยการงดนำเสนอข่าว

สิ่งที่สื่อไทยเสนอได้-ไม่มีรายงานข่าวอึกกระทึกคึกโครมระดับโลกในสื่อไทยฉบับเช้าวันนี้ มิหนำซ้ำยังนำเสนอข่าวพาดหัวเกี่ยวกับแชมป์มหาเศรษฐีหุ้นชื่อเสี่ยทองมา ซึ่งในแวดวงหุ้นทั้งไทยและเทศรู้ดีว่า แชมป์ตัวจริงเป็นเสี่ยอีกรายที่สำนักข่าวBloombergเคยนำเสนอว่าเป็นมหาเศรษฐีหุ้นอันดับ1ตัวจริงเสียงจริงมาอย่างแน่นเหนียวนานหลายปี เพียงแต่ว่าสื่อไทยนำเสนอข่าวนี้ไม่ได้ และก็ไม่มีใครกล้าพูดด้วย

ประชาไท รายงานข่าวว่า เว็บไซต์การ์เดียนรายงานในเซ็คชั่น 'You ask, we search' ซึ่งเปิดให้ผู้อ่านสอบถามประเด็นที่สงสัยและจะมีการค้นหาคำตอบจากวิกิลีกส์ (wikileaks) เว็บไซต์จอมแฉชื่อดัง โดยมีตอนหนึ่งระบุถึงเหตุการณ์รัฐประหารในประเทศไทยเมื่อปี 2549 โดยอ้างอิงถึงเอกสารจากสถานทูตสหรัฐฯที่ระบุเอาไว้ว่า นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่าบุคคลระดับสูงของไทยมีความเกี่ยวข้องกับการรัฐประหารที่เกิดขึ้น รวมทั้งยังเกี่ยวพันกับความวุ่นวายอย่างต่อเนื่องโดยผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งนำไปสู่การล้มรัฐบาลหลายชุดที่มีความเกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา

นอกจากนี้การ์เดียนยังเปิดเผยเอกสารเกี่ยวกับการรัฐประหารอีก 2 ฉบับ ซึ่งเป็นการพูดคุยส่วนตัวของนายราล์ฟ บอยซ์ อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ กับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าคณะรัฐประหาร ในวันที่ 20 กันยายน 2549 และการสื่อสารระหว่างนายอีริค จีจอห์น เอกอัครราชทูตสหรัฐคนปัจจุบันกับแหล่งข่าวในพระราชสำนักด้วย

ข่าวนี้ถือเป็นข่าวอึกกระทึกคึกโครมระดับโลก แต่น่าประหลาดใจที่ไม่พบรายงานในสื่อกระแสหลักอื่นใด นอกจากในสื่อกระแสหลักภาษาอังกฤษคือBangkok Postฉบับออนไลน์เมื่อวานนี้ และข่าวนี้หายไปในเวลาไม่นานนัก วงการเชื่อว่าBangkok Postหลุดเดี่ยว โดยพลั้งเผลอ แต่ก็ลบทัน

นอกจากนั้นเวบไซต์ผู้จัดการASTVก็นำข่าวนี้ขึ้นรายงานด้วยเช่นกัน โดยอ้างแหล่งข่าวจากAFP และมีรายงานว่าหน้าเวบผู้จัดการหายไปช่วงหนึ่งหลังนำเสนอข่าวนี้ ก่อนจะปรากฎตัวใหม่ โดยข่าวนี้หายไปจากสารบบของเวบแล้ว

ดร.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์เขียนลงในเฟซบุ๊คเขาด้วยว่า ยังมีโทรเลขล่าสุด ที่ The Guardian เอามาอภิปรายนี้ (ขณะที่ผมเขียนนี้ ตัวบท โทรเลขจริงๆ ยังไม่ได้มีการตีพิมพ์ มีแต่บทวิเคราะห์-รายงาน) เป็นโทรเลขเมื่อเดือนมกราคมปีนี้เอง ทูตสหรัฐได้รายงานการสนทนากับ เปรม, สิทธิ เศวตศิลา และ อานันท์ ปันยารชุน เกี่ยวกับปัญหาการสืบราชสันตติวงศ์

เรื่อง "ตลก" ที่ไม่ตลก เกี่ยวกับเนื้อหาที่ เปรม อานันท์ สิทธิ พูดกับทูตสหรัฐอยู่ นั่นคือ ถ้าเป็นคนธรรมดาทั่วไป พูดเรื่องแบบนี้ แม้ในที่ "ไพรเวท" ก็ยังเสี่ยง่ต่อการโดนเล่นงานด้วย ม.112 ได้ ผมพูดนี่ ไม่ได้เสนอเลยว่าให้เล่นงาน เปรม อานันท์ สิทธิ ด้วย ม.112 นะครับ ต้องย้ำ ผมไม่เคยยุให้ใช้กฎหมายนี้กับใครเลยทั้งสิ้น แม้แต่...กับกรณีสนธิ ลิ้มทองกุล หรือพวกพันธมิตร พวกจงรักภักดีทั้งหลาย

คุณปลื้มเย้ยหยันเสรีภาพสื่อไทยกลางรายการทีวี กรณีปิดปากงดออกข่าววิกิลีกส์แฉชนชั้นนำไทย
ในรายการDaily DoseทางVoice TV เมื่อค่ำวันที่ 16 ธันวาคม เมื่อม.ล.ณัฎฐกรณ์ เทวกุล "คุณปลื้ม" ผู้ดำเนินรายการ ได้เล่าข่าวถึงเรื่องWikileaks แฉเอกสารข้อมูลที่ทูตสหรัฐฯได้ข้อมูลจากบุคคลระดับสูงในไทย ไม่ว่าจะเป็นพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ พล.อ.อ.สิทธิ เศวตศิลา นายอานันท์ ปันยารชุน พล.อ.สนธิ บุณยะรัตกลิน นายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่กล่าวหา หรือพาดพิงถึงบุคคลสำคัญระดับสูงเข้ามาแทรกแซงการเมือง

คุณปลื้มแจ้งว่า เขาก็ต้องเซ็นเซอร์ตัวเองเหมือนกับสื่อทั่วไปต้องทำ นั่นคือการเซ็นเซอร์ตัวเองให้เงียบเสียง ว่าแล้วคุณปลื้มก็นำปลาสเตอร์ขึ้นมาปิดปาก แล้วปล่อยให้ภาพบุคคลชนชั้นนำของไทยหมุนเวียนอยู่หน้าจอทีวี

ล่าสุดศาลสูงของลอนดอน อนุญาตให้ประกันตัว จูเลียน แอสซานจ์ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์วิกิลีกส์แล้ว ปฏิเสธคำอุทธรณ์คัดค้านการปล่อยตัวเขาภายใต้เงื่อนไขอันเข้มงวด

ก่อนหน้านี้คุณปลื้มได้เรียกร้องในรายการ สนับสนุนให้เวบไซต์ข่าวทางเลือกอย่างไทยอีนิวส์ หรือประชาไท ร่วมมือกับวิกิลีกส์เพื่อขุดคุ้ยความจริงด้านต่างๆนำเสนอสู่สังคมไทย

อย่างไรก็ตามจากการสอบถามบรรณาธิการของไทยอีนิวส์ ได้รับคำตอบว่า ตอนนี้ยังแสดงความเห็นอะไรไม่ได้ถนัด เพราะเขาก็ถูกพลาสเตอร์อุดปากอยู่เหมือนกัน

สื่อกระแสหลักแทบทั้งหมดเลือกที่จะเซ็นเซอร์ตัวเองในข่าวที่วิกิลีกส์เปิดเผยออกมาล่าสุดนี้ ราวกับว่าไม่ได้มีเรื่องสำคัญอึกกระทึกคึกโครมไปทั่วโลกเกิดขึ้น

Feds: Russian arms suspect not beyond law's reach

http://news.yahoo.com/s/ap/20101117/ap_on_re_us/us_arms_suspect

The Russian Foreign Ministry had said Thailand's decision to extradite him was "unlawful," purely political and resulted from U.S. pressure. Foreign Minister Sergei Lavrov said in remarks broadcast on Russian television Tuesday that the Thai government's decision was "an example of glaring injustice."

จตุพร แฉ


นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีคลิปลับของศาลรัฐธรรมนูญ ว่า จากการที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี สั่งการให้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ตรวจสอบการเผยแพร่คลิปลับว่า เป็นความผิดอาญาแผ่นดินหรือไม่ และกรณีที่ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ระบุจะยื่นยุบพรรคเพื่อไทย ว่า ตนไม่ทราบว่านายชวนจะยื่นยุบพรรคเพื่อไทยในข้อหาอะไร และหากนายกฯ จะให้สอบสวนเป็นอาญาแผ่นดิน ก็ขอให้ตำรวจไปพิจารณาความเกี่ยวเนื่องของบุคคลในคลิป เพราะนอกจากจะมี นายวิรัช ร่มเย็น ส.ส.ระนอง ซึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ก็มี นายวรวุฒิ นวโภคิน อดีตที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการปกครองส่วนท้องถิ่น สภาผู้แทนราษฎร และเป็นคนสนิทของนักการเมืองใหญ่ภาคใต้ และ นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อดีตเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ ที่เรียนสถาบันพระปกเกล้ารุ่นเดียวกัน นอกจากนี้ ยังมีนักธุรกิจหญิงอีกคน ชื่อย่อ "น." ชื่อเล่นเหมือนปลาในน้ำ ที่เรียนสถาบันพระปกเกล้ารุ่นเดียวกันกับทั้ง 2 คน และร่วมกันทำธุรกิจร่วมกับนายวรวุฒิในโครงการรับประมูลกล้องวงจรปิด (ซีซีทีวี) มูลค่า 66 ล้านบาท และระบบคอมพิวเตอร์มูลค่า 15 ล้านบาท ของศาลรัฐธรรมนูญ ที่สำคัญนักธุรกิจหญิง น. ยังมีความสนิทสนมกับนักการเมืองใหญ่ภาคใต้คนเดียวกับนายวรวุฒิ จึงขอให้ดูความเชื่อมโยงของบุคคลเหล่านี้ให้ดี ก่อนที่จะสรุปคดี และต่อไปอาจจะมีคลิปอะไรหลุดออกมาอีกก็ได้ เพราะในเมื่อคนเหล่านี้ควบคุมระบบซีซีทีวีของศาลอยู่ ข้อมูลก็ต้องอยู่ในมืออยู่แล้ว

วิ่งเต้นคดียุบพรรคประชาธิปัตย์









ทนายฝรั่งยันฟ้อง ฆ่า91ศพ ขึ้นศาลหลายชาติ



นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีข่าวว่าทีมทนายเตรียมยื่นคำร้องต่อศาลโลกในคดีสังหารพลเรือน 91 ศพ ในการสลายการชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงในประเทศไทยว่า จะไม่ขอบอกว่า จะยื่นคำร้องต่อศาลเมื่อใด หรือศาลใดบ้าง แต่หากคุณย้อนไปดูคดีที่ตนทำมาแล้ว ทั้งกับกัวเต มาลา หรือรัสเซีย สิ่งที่ตนพูดได้แน่นอนก็คือ คนที่ตายไปในเหตุการณ์ครั้งนั้นต้องได้รับความยุติธรรม ในส่วนของการดำเนินการจะเป็นวันนี้ พรุ่งนี้ หรืออาจจะเป็น 5 ปีจากนี้ไป คนบริสุทธิ์ที่ถูกสังหารนั้น เราจะนำความยุติ ธรรมมาให้

นายอัมสเตอร์ดัมกล่าวว่า กลุ่มบุคคลที่ถูกฟ้องในกัวเตมาลาเคยหัวเราะเยาะกับการทวงความยุติธรรมมาแล้ว ทั้งยังบอกว่า เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่ดูตอนนี้ สหประชาชาติเห็นชอบกับการตั้งคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศเพื่อต่อต้านการนิรโทษกรรม เพื่อย้อนดูเหตุ การณ์ปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้น เพื่อ นำไปสู่ความยุติธรรม หรืออย่างกรณีรัสเซีย ตอนแรกโลกภายนอกไม่มีทางรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในรัสเซีย เราก็เอาคดีนี้ไปที่ยุโรปจนได้ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านพลังงานทั้งหมด จากเดิมที่ผู้คนพูดกันว่า ไม่มีทางทำได้

สำหรับกรณีของไทย อัมสเตอร์ดัมกล่าวว่า ตอนนี้คนก็พูดเช่นกันว่า ไม่มีทางไปจะได้รับความสนใจจากศาลระหว่างประเทศ เราได้เห็นเหตุการณ์แบบนี้ในไทยทุกๆ 10-12 ปี ถึงเวลาที่ต้องยุติได้โดยการนำตัวผู้สังหารเข้าสู่กระบวน การยุติธรรม ขอย้ำว่านี่เป็นหน้าที่ของเรา เราจะทำทุกอย่าง ถึงตนรับประกันไม่ได้ว่า มันจะเกิดขึ้นวันพรุ่งนี้ แต่ขอรับประกันได้ว่าในตอนนี้ โดยเฉพาะเมื่อกระบวนการศาลอาญาระหว่างประเทศเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมากในช่วงสิบปีที่ผ่านมา เป็นการปฏิวัติไปสู่การต่อสู้กับกลุ่มมีอำนาจ สิ่งนี้เปลี่ยนแปลงกฎหมายอยู่ตลอดเวลา เป็นการเปลี่ยนเพื่อผลประโยชน์ในการช่วยเหลือเหยื่อ ไม่มีใครคนใดที่สังหารประชาชน มือ เปื้อนเลือดจะลอยนวลอยู่ได้ ตนจะไม่บอกว่า เมื่อไหร่ หรือทำอย่างไร แต่ขอให้มั่นใจได้ว่า การได้รับข้อมูลเกี่ยวกับรัฐบาลไทยครั้งนี้ จะไม่ใช่การต่อสู้ศาลเดียว แต่จะเป็นหลายศาล ก็อาจจะมีบางศาลที่เราแพ้ แต่เราจะทำให้ดีที่สุดที่จะเอาความเป็นธรรมมาให้ผู้สูญเสีย และจะทำให้โลกเข้าใจว่า เกิดอะไรขึ้นในเดือนพฤษภาฯ 53

เมื่อถามว่า ในทางวิธีการแล้ว เมื่อมีการพิจารณาคดีตามกระบวนการศาลของไทย จะมีการดำเนินคดีศาลระหว่างประเทศในเวลาเดียว กันได้หรือ นายอัมสเตอร์ดัม กล่าวว่า ขอยกตัวอย่างกรณีของกัวเตมาลา ตนนำเรื่องไปต่อสู้ที่ศาลเบอร์มิวดา เพราะตอนนั้นไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการในกัวเตมาลา ในกรณีของรัสเซีย เราไปได้ความเป็นธรรมจากศาลในสวิตเซอร์แลนด์ หน้าที่ของทนายอย่างตน คือต้องหาทางต่างๆ ที่ไม่ได้เป็นไปตามแบบแผนเดิม เพื่อให้ลูกความได้รับความยุติธรรม ใน กรณีของไทย เหตุการณ์นองเลือดเคยเกิดขึ้นมาแล้วในปี 2535 และก็มาเกิดอีก มันจำเป็นต้องหยุด มันต้องเลิกนิรโทษกรรม

เมื่อถามว่า ได้ติดต่อประสานงานกับทีมนักกฎหมายของพรรคเพื่อไทยด้วยหรือไม่ นายอัมสเตอร์ดัม กล่าวว่า ตนร่วมมือกับใครก็ตามที่ร่วมมือด้วย แต่ไม่ขอเปิดเผยชื่อ ตนก็ถูกห้ามเข้าประเทศไทยมาแล้ว จึงจะไม่เปิดเผยชื่อใครที่ไม่เป็นผลดีกับคนๆ นั้น

ถามว่า ทำไมถึงได้มั่นใจมากว่าจะทำคดีนี้ได้ นายอัมสเตอร์ดัมกล่าวว่า เพราะประเด็นนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำให้โลกเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทย ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ ตนคิดว่า ตอนนี้โลกเริ่มเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น และนั่นทำให้มั่นใจมากขึ้น และเมื่อดูการทำคดีที่ผ่านมาในประเทศอื่นที่เห็นผลมาแล้ว ประเด็นไม่ได้ว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นมานานแค่ไหน หรือเกิดขึ้นในประเทศอะไร ประเด็นอยู่ที่เราได้เปลี่ยนความคิดของคนไทย และรัฐบาลสำนึกว่า จะต้องไม่ปกปิดข้อมูล ตอนนี้ประชาคมโลกต่างก็รู้ว่า รัฐบาลไทยพยายามปกปิดข้อมูลอยู่

เมื่อถามว่า ทางรัฐบาลไทย กล่าวว่า การเอาเรื่องนี้ไปศาลโลกเป็นเรื่องเหลวไหลเกินไป นายอัมสเตอร์ดัม กล่าวว่า อาชญากรทั่วไปก็มักกล่าวเช่นนี้ คิดว่ามันเหลวไหลจนกระทั่งถูกเอาตัวขึ้นศาล ตนอยากเตือนผู้นำรัฐบาลไทยให้นึก ถึงคดีนายพลนอริเอก้า (เผด็จการทหารปานา มา) ที่ไม่คิดเหมือนกันว่าจะถูกดำเนินคดีที่ศาลไมอามี และรับโทษในที่สุด ขอบคุณ ข่าวสดออนไลน์

ไทยรัฐ : เปิดฟ้าส่องโลก : วิคเตอร์มาไทยด้วย TG เดียวกับผม

นายริชาร์ด ชิชัคลี (Richard Chichakli) อดีตนายทหารข่าวกรองของสหรัฐฯ ผู้เคยกรำศึกสงครามต่อต้านซัดดัม ฮุสเซน พูดถึง ร้อยโทวิคเตอร์ บูท ว่า

"สหรัฐอเมริกาเอาปลาตัวเล็กๆ มาเป่าขึ้นเป็นปลาวาฬ"

สหรัฐฯเป่าปลาซิวให้เป็นปลาวาฬ เพื่อต้องการจะหยุดกระแสอะไรหรือเปล่า? เพราะหลังจากที่นายบูทถูกจับเมื่อ 6 มีนาคม 2551 แทบจะไม่มีนายทหารไทยคนไหนกล้ารับเชิญไปดูงานที่โรงงานผลิตอาวุธของรัสเซียอีกเลย!

อดีตผู้ตรวจการณ์สหประชาชาติคนหนึ่งให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ช่อง RT ของรัสเซีย เมื่อวันก่อนว่า "เราเรียกวิคเตอร์ บูท ว่าเป็น Merchant of Death ไม่ได้ แต่เราสามารถกล่าวได้ว่า วิคเตอร์ บูท อาจจะมีส่วนประมาณ 5% หรือ น้อยกว่านั้นของการค้าความตาย เพราะ 95% ของการทำงานของสายการบินของเขาเป็นการขนวัตถุพลเรือน รวมทั้งสิ่งของช่วยเหลือของสหประชาชาติ สำหรับ การขนอาวุธ เขาก็ได้ปฏิบัติตามสัญญาว่าจ้างของรัฐบาลประเทศต่างๆทั้งนั้น"

ร้อยโทวิคเตอร์ บูท ลาออกจากราชการ และตั้งบริษัทขนส่งทางอากาศ เมื่อ พ.ศ.2536 หลังจากที่ทะเลาะกับเจ้าหน้าที่สหประชาชาติบางคน ในรายงานของยูเอ็น ก็มีข้อความว่า "มีข้อสงสัยว่านายวิคเตอร์ บูท จะละเมิดการแซงก์ชั่นของสหประชาชาติเกี่ยวกับการนำเข้าอาวุธในสาธารณรัฐไลบีเรีย"

ข้อความในรายงานของยูเอ็น ทำให้ลูกค้าของบูทไม่ใช้บริการของแกต่อไปอีก เมื่อทนขาดทุนไม่ไหว บูทจึงปิดกิจการสายการบินขนส่งเมื่อ พ.ศ.2543 ตั้งแต่นั้นมา บูทก็ไม่ได้รุ่งเรืองเหมือนเก่า และเก็บตัวเงียบๆในรัสเซีย

ผู้อ่านท่านครับ 24 กุมภาพันธ์ 2551 นิติภูมิไปรัสเซียโดยสายการบินไทยเที่ยวบินที่ TG 974 เลขที่นั่ง C15 และผมเดินทางกลับเมืองไทยวันศุกร์ที่ 5 มีนาคม 2551 ในบันทึกประจำวันซึ่งผมบันทึกไว้ในเว็บไซต์ www.nitipoom.com เมนู diary มีบางตอนดังนี้ "เวลา 18.24 น. ข้าพเจ้าและคณะกลุ่มบริษัทบาลานซ์ อีก 3 คน เดินทางกลับไทยโดยสายการบินไทย TG 975 ข้าพเจ้าได้ที่นั่งเลขที่ 11 A ซึ่งเป็นที่นั่งแรกของเครื่องบินลำนี้ ตอนบินจากกรุงเทพฯสู่กรุงมอสโก ใช้เวลา 9.35 ชั่วโมง แต่บินจากกรุงมอสโกกลับกรุงเทพฯ กัปตันประกาศว่าจะใช้เวลา 8.01 ชั่วโมง

ระหว่างอยู่บนเครื่องบิน พลอากาศโทอภิสิทธิ์ จุลโมกข์ กรุณาเข้ามาทัก และสนทนาเรื่องเทคโนโลยีรัสเซีย จำได้ว่าเมื่อ 7 ปีที่แล้ว คือวันที่ 23 กรกฎาคม 2544 ข้าพเจ้าและพลอากาศโทท่านนี้ (สมัยนั้นยศประมาณนาวาอากาศเอก ทำงานด้านข่าวกรอง) ไปกรุงย่างกุ้ง เมืองหลวงของสหภาพพม่าด้วยกัน โดยใช้ เครื่องบินทหารรุ่น ซี 130 เพื่อติดตามพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ไปพบคณะผู้นำพม่า

พลอากาศโทอภิสิทธิ์เป็นอดีตนักเรียนทุนไปศึกษาหลักสูตรนักเรียนนายเรืออากาศที่เยอรมนี สำหรับการเดินทางมาเยือนสหพันธรัฐรัสเซียของท่านในครั้งนี้ ประสงค์ก็คือ ดูเทคโนโลยีรัสเซียเพื่อนำไปประยุกต์ใช้กับหน่วยงานทหารของไทย หลังจากสนทนากับพลอากาศโทอภิสิทธิ์แล้ว ข้าพเจ้านอนหลับตลอดการเดินทาง"

บันทึกประจำวันของนิติภูมิวันพฤหัสบดีที่ 6 มีนาคม 2551 มีดังนี้ "เวลา 06.25 น. ข้าพเจ้าเดินทางถึงท่าอากาศยานแห่งชาติสุวรรณภูมิ โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 975 ขณะกำลังรอรับกระเป๋าเดินทาง พลอากาศโทอภิสิทธิ์ จุลโมกข์ รองเสนาธิการทหารอากาศ ซึ่งเพิ่งเดินทางกลับจากกรุงมอสโก ในเที่ยวบินเดียวกัน กรุณาเข้ามาสนทนาด้วยอีกครั้งหนึ่ง เรื่องสถานการณ์การก่อการร้าย

เวลา 09.00 น. ข้าพเจ้าและพนักงานบริษัทบาลานซ์ฯ ดูภาพยนตร์ที่ถ่ายทำมาจากรัสเซีย ที่ห้องประชุม 1 บ้านแด่แผ่นดิน พนักงานผู้เดินทางมาตรวจรับภาพยนตร์ได้แก่ 1. นายธรรมรศ เทพแสง ครีเอทีฟ 2. นายณวราห์ แจ้งน้ำใจ โปรดิวเซอร์ และ 3. นางสาววิลาวัลย์ ศรีวงยาง ช่างตัดต่อ

เวลา 10.00 น. ข้าพเจ้าและคณะผู้บริหารกลุ่มบริษัทบาลานซ์ ประชุมกับคณะผู้สร้างภาพยนตร์จากสหพันธรัฐรัสเซีย ที่บ้านแด่ แผ่นดิน เรื่องการเดินทางมาถ่ายทำภาพยนตร์โทรทัศน์ที่ประเทศไทย คณะผู้บริหารกลุ่มบริษัทบาลานซ์ ได้แก่ 1. ร้อยตำรวจเอกนิติภูมิ นวรัตน์ 2. นายแกรี โฮมส์ ที่ปรึกษากลุ่มบริษัทบาลานซ์ และ 3. นางสาววริศรา เกษมศรี ผู้จัดการบริษัทบาลานซ์ โนว์เล็จ ดีไซน์ จำกัด

คณะผู้สร้างภาพยนตร์ชาวรัสเซีย ได้แก่ 1. นายเซรเก วลาดิมิโรวิช บากีรอฟ ผู้อำนวยการสร้างของบริษัทนิวสตาร์มีเดียทีวี 2. นายยูริ โกลดิน โปรดิวเซอร์ของบริษัทนิวสตาร์มีเดียทีวี 3. นายอังเดร โนวิคอฟ กรรมการผู้จัดการบริษัทเตซตูร์ไทยแลนด์ จำกัด และ 4. นายคอนสแตนติน โพโกดิน กรรมการ ผู้จัดการบริษัทสบายเวิลด์ จำกัด"

ผมเพิ่งอ่านเจอในบันทึกประจำวันในเว็บไซต์ของผมในราตรีนี้ พบว่า วิคเตอร์ บูท ก็เดินทางมาถึงเมืองไทยในวันเดียวกับผม เที่ยวบินเดียวกับผม และถูกจับหลังจากลงสนามบินสุวรรณภูมิภายในเวลา 3 ชั่วโมง ที่โรงแรม โซฟิเทล สีลม

รัฐบาลอเมริกันยื่นฟ้องร้อยโทวิคเตอร์ บูท ที่ศาลเซาเทิร์น ดิสตริกต์

แห่งนิวยอร์ก และศาลแห่งนี้ก็เพิ่งออกหมายจับเมื่อ 27 กุมภาพันธ์ 2551 นี่เอง

บูทถูกเจ้าหน้าที่ยูเอ็นรายงานมานานเกือบ 10 ปี ทำไมไม่จับ ทำไมต้องมาจับในห้วงช่วงที่กระแสอาวุธรัสเซียกำลังแรงในประเทศไทย

และประเทศอื่นในโลกบานเบอะเยอะแยะ ทำไมไม่จับ ทำไมต้องมาจับในดินแดนของประเทศไทย ผมสงสัยแค่นี้แหละ?

โชคดี วิคเตอร์ บูท

โชคดี ประเทศไทย.

นิติภูมิ นวรัตน์

http://www.thairath.co.th/column/oversea/worldsky/106373

ไทยรัฐ : เปิดฟ้าส่องโลก : วิคเตอร์ บูท (3)

นิติภูมิเขียนเปิดฟ้าส่องโลกของวันที่ 14-15 มิถุนายน 2553 เรื่อง "ให้ไทยเป็นชาติถ่ายทำหนังระดับโลก (1) และ (2)" โดยเรียกร้องให้รัฐบาลไทยมีมาตรการส่งเสริมให้ภาพยนตร์ต่างชาติเข้ามาถ่ายทำในไทยได้สะดวกขึ้น

จากนั้น ผู้ใหญ่หลายท่านขอข้อมูลจากนิติภูมิในฐานะประธานบริษัทประสานงานการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในไทย ผมให้ข้อมูลทุกประเภทอย่างโปร่งใส แจกแจงแม้แต่รายได้ที่ SMG Moviel Limited ของรัสเซียโอนเงินประมาณเดือนละ 12 ล้านบาทมาให้ โดยชี้แจงแสดงให้เห็นว่าเงินจากอุตสาหกรรมภาพยนตร์เหล่านี้เข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจของโรงแรม ภัตตาคาร ร้านค้า รถเช่า ฯลฯ ของไทยมากขนาดไหน คนไทยกว่า 100 ชีวิต มีรายได้ติดต่อกันยาวนานถึง 9 เดือน ผู้อ่านท่านที่อยากเห็นภาพความสุขของคนไทยที่ได้ทำงานในวงการภาพยนตร์กับเพื่อนร่วมวงการชาวต่างชาติ โปรดเข้าไปที่เว็บไซต์ nitipoom.com เมนูภาพกิจกรรมนะครับ

ตอนสายของอังคารวันที่ 24 สิงหาคม 2553 ผมได้รับโทรศัพท์แจ้งจากท่านผู้ใหญ่ที่เคารพว่า คณะรัฐมนตรีมีมติให้เว้นภาษีนักแสดงต่างชาติ ส่วนภาษีอื่นกรมสรรพากรขอนำกลับไปศึกษาเป็นเวลาอีก 1 เดือน ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรือ ตม. ของไทย ก็ยินดีจะเปิดช่องตรวจขาเข้าโซนกลางของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิสำหรับคณะที่จะเดินทางเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ ก็มีข่าวดีว่าจะส่งเสริมบริษัทที่นำอุปกรณ์จากต่างประเทศเข้ามาถ่ายทำในประเทศไทย ฯลฯ

ผู้คนในวงการที่ทำงานกับภาพยนตร์ต่างประเทศโทรศัพท์มาขอบใจนิติภูมิ ผมบอกว่า อย่ามาขอบใจผมเลย ต้องไปขอบคุณนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ประธานคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดีทัศน์แห่งชาติ นายชุมพล ศิลปอาชา รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ข้าราชการกองกิจการภาพยนตร์ สำนักงาน พัฒนาการท่องเที่ยว ฯลฯ ที่สนับสนุนเพื่อประโยชน์ของประเทศ

ผมเชื่อว่าในอนาคต รัฐบาลไทยสามารถสร้าง Siamywood เพื่อให้ไปตระหง่านใกล้กับ Hollywood Bollywood Kollywood Tollywood และ Mollywood โดยแท้ที่จริงศักยภาพไทยในอุตสาหกรรมภาพยนตร์มีไม่แพ้ของประเทศอื่น เพียงแต่รัฐบาลต้องมีวิสั้น เอ๊ย วิชั่น ด้านนี้ให้มากขึ้นหน่อยเท่านั้น

ขณะที่ผู้อ่านท่านผู้เจริญจับไทยรัฐฉบับวันนี้ นิติภูมิกำลังระเห็จเตร็ดเตร่ อยู่ที่เช็ก ในห้วงช่วง 9 วันนี้ ผมมาอุจจาระปัสสาวะที่เยอรมนี ออสเตรีย ฮังการี และเช็ก ขณะที่ก็ยังมีผู้อ่านสนใจความเป็นไปในคดีของนายบูทเป็นอย่างมาก

5 กรกฎาคม 2550 เป็นวันครบรอบความสัมพันธ์ไทย-รัสเซีย 110 ปี และในช่วงนี้นี่เอง ที่ประชาชนคนไทยเริ่มให้ความสนใจในวัฒนธรรมประเพณีของรัสเซียเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งละครบอลชอยแห่งกรุงมอสโก และการแสดงของอดีตโรงเรียนศิลปกรรมหลวง คณะมาริอินสกี้แห่งนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก

ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2550 สังคมไทยก็ตระหนักถึงศักยภาพของอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ผลิตจากสหพันธรัฐรัสเซีย มีการกระดิกพลิกตัวของบรรดานายทหารทุกเหล่าทัพ เดินทางไปดูโรงงานผลิตอาวุธของรัสเซียกันยกใหญ่

อเมริกาเป็นประเทศหนึ่งซึ่งมีรายได้จากการขายอาวุธ จากประวัติศาสตร์ คณะผู้นำของชาติบ้านเมืองใดที่เปลี่ยนแหล่งซื้ออาวุธจากโรงงานอเมริกัน ไปซื้อของประเทศอื่น คณะผู้นำนั้นมักจะโดนรัฐประหาร ต้องเปลี่ยนรัฐบาลทุกรายไป

ผมมีลางสังหรณ์ตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม 2550 แล้วล่ะครับว่า อนาคต น่าจะมีเหตุการณ์อะไรไม่ดีซักอย่าง สองอย่างเกิดขึ้นกับประเทศไทย

1-15 มกราคม 2551 นิติภูมิไปพักที่หอของนายคุณนิติ ซึ่งเป็นบุตรชายคนที่ 2 ของผม กลางวัน เจ้าลูกชายไปเรียนภาษาจีนที่มหาวิทยาลัยชิงหัวในกรุงปักกิ่ง ผมไม่มีอะไรทำก็เข้าไปเสิร์ชข้อมูลในอินเตอร์เน็ตทั้งวัน พบการกระดิกพลิกตัวของวงการค้าอาวุธที่น่าสนใจหลายอย่าง

ในห้วง 4 เดือนแรกของ พ.ศ.2551 ผมตั้งความหวังไว้ว่าจะต้องไปเยือน 4 เมืองหลวงของมหาอำนาจชาติโลก ปลายเดือนมกราคม 2551 ผมและบุตรชายคนที่ 1 คือนายเนติภูมิ จึงไปเยือนกรุงโตเกียว ผู้ใหญ่ในคณะที่เดินทางไปด้วยกันนั้น บั้นปลายท้ายต่อมา เป็นปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมถึง 2 ท่าน ส่วนอีกท่านหนึ่งตอนไปด้วยกันเป็น ผวจ.ชุมพร ต่อมาท่านได้เป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย (นายมานิต วัฒนเสน) อีกท่านหนึ่งเป็น ผอ.สำนักเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กลับมาเมืองไทยได้ไม่นาน ก็เป็นเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (ดร.อรรชกา สีบุญเรือง บริมเบิล) อีกท่านหนึ่งนั้น ท่านเป็นปลัดกระทรวงคมนาคมอยู่แล้ว

ในห้วงช่วงที่อยู่ญี่ปุ่น ท่านผู้ใหญ่หลายท่านสอบถามตามข่าวถึงคุณภาพของอาวุธและการอุตสาหกรรมรัสเซียหลายครั้ง ผมจึงจับความสนใจในขณะนั้นได้ว่า สังคมไทยสนใจในเรื่องอาวุธรัสเซียจริงๆ มิใช่สนใจเพียงตามกระแส

กลับจากญี่ปุ่น ผมไปรัสเซีย พักไม่กี่วัน ผมก็ไปอินเดีย

ผู้อ่านท่านที่อยากทราบว่าเรื่องนี้ ว่า (อาจจะ) เกี่ยวดองหนองยุ่งกับคดีนายวิคเตอร์ บูท อย่างไร? กรุณาซื้อไทยรัฐอ่านต่อได้ในฉบับวันศุกร์ครับ สำหรับคืนนี้ นิทราราตรีสวัสดิ์ ลาไปก่อนครับ ลาไปแล้วละครับ สวัสดีครับ.

นิติภูมิ นวรัตน์

http://www.thairath.co.th/column/oversea/worldsky/106104

ไทยรัฐ : เปิดฟ้าส่องโลก : วิคเตอร์ บูท (2)

ใครที่คิดว่าอเมริกาจะช่วยตนและพวกให้พ้นข้อหาอาชญากรรมระหว่างประเทศ โดยการเอาคดีความบางเรื่องเข้าแลก ก็อย่าหวังว่าอเมริกาจะจริงใจนะครับ ชีวิตมนุษย์จำนวน 91 คน ที่ต้องตายวายชีวันจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง ในอนาคตอาจนำความยุ่งยากมาสู่ผู้คนบางกลุ่มด้วยการจะต้องถูกฟ้องร้องของคดีสังหารหมู่ คดีการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ คดีทำร้ายพลเรือน ฯลฯ

เรื่องการรับโทษทัณฑ์เป็นเรื่องในอนาคต ยังไม่มีอะไรจริงแท้แน่นอน แต่ข่าวที่จะเป็นของแท้แน่ชัดก็คือ บริษัทไทยที่เกี่ยวดองหนองยุ่งกับเรื่องท่องเที่ยวเตรียมรับความหายนะได้ วันที่ผมเขียนต้นฉบับอยู่นี้ มีข่าวจากกรุงมอสโก ความว่า ส.ส.ซิรินอฟสกี รองประธานสภาดูมาของรัสเซีย ซึ่งเป็นมหาบัณฑิตจากสถาบันเอเชียและแอฟริกาศึกษา แห่งมหาวิทยาลัยมอสโก ประกาศว่าจะบอยคอตการท่องเที่ยวไทย คนไทยครอบครัวไหนเคยมีอาหารอิ่มท้องเพราะนักท่องเที่ยวรัสเซียมาใช้บริการ ก็เตรียมทำใจไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ พร้อมทั้งต้องลองออกไปหาอาชีพเสริมทำ

ผู้อ่านท่านผู้เจริญ ศาลอาญาซึ่งเป็นศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อ 11 สิงหาคม 2552 ปฏิเสธคำร้องของสหรัฐอเมริกาในการส่งนายวิคเตอร์ บูท เป็นผู้ร้ายข้ามแดน โดยให้เหตุผลว่า ลักษณะนี้เป็นคดีการเมือง และเป็นคดีที่ศาลไทยพิจารณาไม่ได้ เพราะข้อกล่าวหาของสหรัฐอเมริกาไม่ตรงกับมาตราใดๆ ของศาลไทยเลย

วันเดียวกันนั้น พนักงานอัยการอุทธรณ์คำสั่งและคำพิพากษาศาลอาญา ศาลอุทธรณ์รับไว้เมื่อ 10 พฤศจิกายน 2552 และศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ขังนายวิคเตอร์ บูท ไว้เพื่อส่งตัวข้ามแดนไปยังสหรัฐฯ เมื่อ 24 พฤษภาคม 2553

แต่สังคมภายนอกรู้คำพิพากษาพร้อมกันทั่วโลกเมื่อ 20 สิงหาคม 2553 แสดงว่าคำพิพากษามีก่อนหน้าที่ประกาศจริงถึง 2 เดือน 27 วัน

ในห้วงช่วง 3 เดือนที่ว่านี้ นายกษิต ภิรมย์ เดินทางไปกรุงมอสโก เพื่อคุยกับกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียหลายเรื่อง รวมทั้งเรื่องของนายบูทด้วย แถมนายกษิตเองก็พบกับนายเซรเกย์ ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศของรัสเซียที่กรุงฮานอยเมืองหลวงของเวียดนาม เมื่อออกมาจากห้องสนทนา นายลาฟรอฟ บอกกับคนที่นั่งคอยอยู่หน้าห้องว่า "รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยเริ่มพูดถึงกรณีของนายบูทก่อน..."

เรื่องที่นายกษิตพูดกับรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียนั้น เป็นความลับ ไม่มีใครทราบ แต่ผมก็ไม่คิดนะครับว่านายกษิตจะแย่ขนาดเอาเรื่องอิสรภาพนายวิคเตอร์ บูท ไปแลกกับการขอให้รัสเซียส่งพันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร กลับมาให้รัฐบาลไทยลงโทษ

พันตำรวจโท ดร.ทักษิณเป็นบุคคลที่ผู้ใหญ่ทางฝ่ายรัสเซียรักมาก คบกันเป็นเพื่อนตาย นิติภูมิรู้จักคนรัสเซียดี ผมจึงมั่นใจว่าคนรัสเซียไม่ขายเพื่อน

ยิ่งถ้าหากนายกษิต ภิรมย์ รู้ผลคำพิพากษาล่วงหน้า ว่าศาลอุทธรณ์ พิพากษาแล้วว่าให้ส่งตัวนายวิคเตอร์ บูท ไปให้สหรัฐอเมริกา ทว่าในระหว่างนั้น นายกษิตยังกล้าไปเจรจาเรื่องแลกตัวนายวิคเตอร์ บูท กับพันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ผมว่าอันนี้ก็เหมือนรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยไปหลอกลวงรัฐบาลรัสเซีย

คนบ้านนอกคอกนา ตระกูลแม่ค้าขายขนมในตลาดสดและทำไร่ไถนาหาปลาในทะเลอย่างนิติภูมิ ก็ไม่เชื่อหรอกครับ ว่าผู้ดีอย่างนายกษิตจะทำ

แต่ถ้าทำ ก็ต้องถือว่านายกษิตเป็นคนแย่มาก

และก็สมควรที่คณะรัฐบาล และสมาชิกรัฐสภาแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย และประชาชนคนรัสเซียจะโกรธมาก

รัสเซียทำทุกอย่างเพื่อให้นายบูทมีอิสรภาพ และช่วยหาหลักฐานมามอบให้ฝ่ายสงสัยหลายครั้ง เพื่อยืนยันว่านายบูทเลิกธุรกิจระหว่างประเทศทั้งหมด รวมทั้งธุรกิจการบินด้วยตั้งแต่ พ.ศ.2544 มีหลักฐานจาก ตม.รัสเซียว่า ระหว่าง พ.ศ.2544-2551 นายวิคเตอร์ บูท เคยเดินทางไปจีน 1 ครั้ง มอนเตเนโกร 1 ครั้ง อาร์เมเนีย 1 ครั้ง และมาเมืองไทย 1 ครั้ง โดยเหยียบแผ่นดินไทยได้เพียง 3 ชั่วโมงก็ถูกจับ

ถ้าบูทเป็นพ่อค้าอาวุธตัวจริงก็น่าจะรวยนะครับ สมบัติพัสถานของคนค้าอาวุธบ้าอะไร ทำไมมีน้อยจัง? มีบ้าน 2 ชั้น 3 ห้องนอน ขนาดไม่กี่ตารางวาที่อยู่ห่างจากรุงมอสโกไปตั้งเกือบครึ่งร้อยกิโลเมตร สมบัติอีกอย่างก็เป็นคอนโดมิเนียมขนาดเล็ก 2 ห้องนอน และมีหุ้นเล็กน้อยในบริษัทผลิตวัสดุก่อสร้างสำหรับตลาดรัสเซีย

ตั้งแต่หัวหน้าครอบครัวติดคุกไทย ครอบครัวของบูทต้องวิ่งหาสตางค์มาเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี จนขณะนี้มีแต่หนี้รุงรัง

นางอัลลา ภรรยาของนายบุช ไม่เคยออกนอกประเทศไทยเลยมามากกว่า 2 ปีแล้ว เธอเช่าห้องเล็กๆ ขนาด 40 ตารางเมตรแถวเรือนจำ เพื่อซุกหัวนอน และเพื่อสามารถเดินทางไปเยี่ยมและนำอาหารไปให้สามีได้ทุกวัน วันละ 15 นาที

ลูกสาววัย 16 ปีของวิคเตอร์ บูท และนางอัลลา ต้องย้ายไปขออาศัยอยู่บ้านตากับยายในกรุงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก

พ่อค้าอาวุธบ้าอภิพญามหาเศรษฐีอะไรกันครับ ต้องยืมเงินคนไทยเพื่อนำไปใช้จ่ายประคองชีวิตให้ดำรงคงอยู่ได้ ยืมทีละไม่กี่หมื่นบาทซะด้วย

พวกเอ็งจะบ้านิยายที่ไอ้ดักลาส ฟาราห์ โม้กันไปถึงไหน?

นิติภูมิ นวรัตน์

http://www.thairath.co.th/column/oversea/worldsky/105835

ไทยรัฐ : เปิดฟ้าส่องโลก : วิคเตอร์ บูท (1)

นิติภูมิเขียนหนังสือในราตรีด้วยความมึนนิดหน่อย เพราะวันนี้เป็นวันที่ผมถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง The Island of the unwanted ได้ 70% ราตรีนี้ที่สวนนงนุชพัทยาจึงมีงานเลี้ยงที่เป็นชาวรัสเซีย ยูเครน และชาวไทยมากกว่า 150 คน มาร่วมฉลองแสดงความยินดี ท่านผู้อ่านก็คงจะนึกออกนะครับ ว่าในฐานะผู้บริหารสูงสุดของบริษัท บาลานซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล คอนเน็คชั่นส์ จำกัด นั้น ผมต้องชนแก้วมากมายนับร้อยแก้ว ทุกแก้วเป็นว้อดก้าทั้งนั้น

วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม 2553 สื่อมวลชนไทยหลายฉบับรายงานข่าวเกี่ยวกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เรื่องพระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน ว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสหรัฐอเมริกา ควบคุมหรือขังโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ท่านทั้งหลายคงทราบว่า จำเลยในคดีนี้คือ นายวิคเตอร์ บูท หรือบอริส หรือวิคเตอร์ บัท หรือวิคเตอร์ บูคาลิน หรือวาดิม มาโควิช อมินอฟ หลังจากศาลแห่งราชอาณาจักรไทยได้ประกาศคำพิพากษาอย่างเป็นทางการ ส่วนมากสถานีโทรทัศน์ไทยจะแสดงภาพนายวิคเตอร์ บูท ที่มีสภาพจ๋อยอยู่ในคุกไทย บางช่องเปิดเผยข้อมูลว่า เขาน้ำหนักลดจาก 120 กิโลกรัม เหลือเพียง 70 กิโลกรัม ผอมกว่านิติภูมิในขณะนี้เสียอีก บางสถานีโทรทัศน์ของรัสเซียเผยภาพนายวิคเตอร์ บูท จูบลาเมีย คือนางอัลลา บูท ก่อนนายบูทจะเดินไปขึ้นรถเรือนจำเพื่อกลับไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯเป็นครั้งสุดท้าย

ภาพนี้ ประชาชนคนรัสเซีย 148 ล้านคน และประชาชนคนอีกเกือบถึงหนึ่งพันล้านคนทั่วโลกเห็นแล้วก็ร้องไห้ สถานีโทรทัศน์หลายแห่งของรัสเซีย แปลข่าวจากผู้ประกาศข่าวของสถานีโทรทัศน์ไทยหลายช่อง เช่น โฆษกช่อง 5 บอกว่า "รู้สึกพอใจเป็นอย่างมากที่ผู้ก่อการร้ายนานาชาติ อดีตสายลับเคจีบี พ่อค้าอาวุธที่ใหญ่ที่สุดในโลก นายวิคเตอร์ บูท ถูกส่งกลับไปยังศาลในสหรัฐอเมริกา" สถานีโทรทัศน์ของไทยหลายช่องเอาภาพเครื่องบิน ILYUSHIN-76 ทะเบียนของสาธารณรัฐจอร์เจีย ซึ่งมีนักบินเป็นชาวคาซัคสถานที่ถูกจับในสนามบินดอนเมือง ในระหว่างการขนอาวุธจากเกาหลีเหนือมาแวะพักที่ประเทศไทย เพื่อจะให้ผู้ชมได้เข้าใจว่า เครื่องบินดังกล่าวเกี่ยวดองหนองยุ่งกับนายวิคเตอร์ บูท คนรัสเซียทั้งประเทศ 148 ล้านคนติดตามข่าวนี้อย่างละเอียดและก็เริ่มสงสัยว่า ทำไมสถานีโทรทัศน์ 4 ช่องของประเทศไทย จึงเริ่มทำการโจมตีนายวิคเตอร์ บูท และสหพันธรัฐรัสเซียเหมือนกัน ใช้คำพูดเดียวกัน ในเวลาเดียวกัน คนรัสเซียและรัฐบาลรัสเซียคิดตรงกันว่า นี่เป็นเรื่องมือที่มองไม่เห็น ที่ฝากข่าวนี้ไปให้สถานีโทรทัศน์ของราชอาณาจักรไทย แต่มือก็เป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ไอ้คนสั่งนั้นลืมใช้สมอง เพราะคิดว่าผู้ชมชาวไทยนั้นโง่ โดยไม่รู้ว่านายวิคเตอร์ บูท ติดคุกในประเทศไทยมานาน 2 ปีครึ่งแล้ว และจะไปจัดการกับเครื่องบินขนอาวุธจากเกาหลีเหนือได้อย่างไร การติดคุกที่แดน 8 ของเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไม่มีทางเลยที่ผู้ติดคุกจะบงการเพื่อให้เครื่องบินจากเกาหลีเหนือขนอาวุธมายังประเทศไทย

ผมได้ทราบคำยืนยันจากปากของนายวิคเตอร์ บูท ว่า ในห้วงช่วงสงกรานต์ มีผู้มาพบนายวิคเตอร์ บูท ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และบอกว่าถ้ายูจะรอดปลอดภัย ยูจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ expert ไปให้การในศาลว่า พันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ทำ operation ดำเนินการทั้งหมดทั้งปวงในการขนอาวุธจากเกาหลี เหนือมายังประเทศไทย และอาวุธดังกล่าวจะมาใช้กับพวกเสื้อแดง

นายวิคเตอร์ บูท แกก็งงว่าอะไรคือเสื้อแดง แกก็ปฏิเสธ เพราะแกไม่ต้องการมาเกี่ยวดองหนองยุ่งกับการเมืองในประเทศอื่น

การรายงานข่าวของสถานีโทรทัศน์ของประเทศไทยถูกนำไปรายงานซ้ำอีกทีในสถานีโทรทัศน์ของรัสเซีย ทุกคนหัวเราะเยาะ พวกผู้ประกาศโง่ทั้งหลายที่บอกว่า นายวิคเตอร์ บูท เป็นสายลับเคจีบี ผู้ประกาศข่าวบางคนทะลึ่งประกาศว่า นายวิคเตอร์ บูท เป็นจำเลยของคดีการค้าอาวุธ ทั้งๆที่ตามความเป็นจริง นายวิคเตอร์ บูท ไม่เคยได้รับการตัดสินลงโทษในศาลใดๆ ในโลกนี้ และแม้แต่ตามกฎหมายของสหรัฐอเมริกาเองก็ยังถือว่า นายวิคเตอร์ บูท เป็นแค่ผู้ต้องหา มิใช่นักโทษ

นายดักลัส ฟาราห์ ไอ้คนแรกในโลกนี้ที่หากินกับการเขียนหนังสือนิยายเรื่อง Merchant of Death มันยังเขียนในหนังสือของมันเลยว่า นายวิคเตอร์ บูท นั้นเป็นแค่ล่ามแปลภาษาของทหาร มียศกระจอกงอกง่อยเพียงแค่ร้อยโท ก่อนจะลาออกจากทหารมาทำธุรกิจการขนส่งทางอากาศ

นิติภูมิผู้อ่านหนังสือเรื่อง Merchant of Death ขอเรียนกับผู้อ่านท่านที่เคารพว่า อันนี้เป็นเพียงความเป็นจริงสิ่งเดียวในหนังสือดังกล่าว นอกนั้นมันแต่งขึ้นมาทั้งหมด แต่งเป็นนิยายให้ดูตื่นเต้น ให้มันขายได้ แต่หนังสือบ้านี่บั้นปลายท้ายต่อมา ดันทะลึ่งขายดี ก็เลยสร้างภาพพจน์ให้นายวิคเตอร์ บูท เป็นผู้ร้ายระดับโลก

ผู้อ่านท่านผู้เจริญ พรุ่งนี้มาว่ากันต่อครับ วันนี้นิทราราตรีสวัสดิ์ ลาไปก่อนครับ ลาไปแล้วนะครับ.

นิติภูมิ นวรัตน์

http://webcache.googleusercontent.com/search?q=cache:jCapG-xFsHgJ:www.thairath.co.th/column/oversea/worldsky/105603+http://www.thairath.co.th/column/oversea/worldsky/105603&cd=1&hl=th&ct=clnk&gl=th

2ทนายมือทอง ช่วยเหลือทางด้านกฏหมายแก่พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร

โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม นักกฎหมายระหว่างประเทศชื่อดังชาวแคนาดา ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทกฎหมายระดับโลก " อัมสเตอร์ดัม แอนด์ พีรอฟฟ์" และ เคยได้รับการยกย่องให้ติด 1 ใน 100 อันดับ "ทนายความมือทอง" แห่งวงการกฎหมายของสหราชอาณาจักร และ เกิร์ต ยาน อเล็กซานเดอร์ คนูปส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายอาชญากรสงครามระหว่างประเทศ ชาวเนเธอร์แลนด์  เพิ่งตกลงเข้ามาให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย 


อัมสเตอร์ดัมยืนยันว่า ทั้งตัวเขาและศาสตราจารย์คนูปส์ต่างมีวัตถุประสงค์ในการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในไทยเพื่อปกป้อง "สิทธิ์ขั้นพื้นฐาน" ของกลุ่มผู้ประท้วงที่เป็นสมาชิกของแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เท่านั้น พร้อมตั้งคำถามถึงความจริงใจของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ต่อการอนุญาตให้มีการตั้งคณะกรรมการที่มีความเป็นกลางและมีอิสระอย่างแท้จริงในการสอบสวนเหตุการณ์รุนแรงในประเทศ เพราะดูเหมือนว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันของไทยมีพฤติการณ์เหมือนกับกำลังพยายาม "ปกปิดซ่อนเร้น" บางสิ่งบางอย่างอยู่นั่นเอง


โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัมอ้างในการตอบโต้ของเขาด้วยว่า องค์กรที่เฝ้าระวังด้านสิทธิมนุษยชนอย่างAMNESTY(องค์การนิรโทษกรรมสากล) หรือฮิวแมนไรต์วอชต์ ก็ระบุว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนในไทย รวมทั้งการที่นางนาวี พิลเลย์ หัวหน้าสำนักงานข้าหลวงใหญ่ฝ่ายสิทธิมนุษยชน แห่งสหประชาชาติ(UN)ออกมาเรียกร้องให้มีการไต่สวนกรณีนี้อย่างเป็นอิสระนั้นก็เป็นเรื่องทื่เราต้องสนับสนุน

ขณะที่ศาสตราจารย์เกิร์ต ยาน อเล็กซานเดอร์ คนูปส์ ซึ่งเคยมีประสบการณ์ในการนำตัวบุคคลระดับแกนนำรัฐบาลของหลายประเทศทั้งในรวันดา อดีตยูโกสลาเวีย และเซียร์ราเลโอน มาดำเนินคดีในฐานะอาชญากรสงครามมาแล้ว ออกมาให้สัมภาษณ์โดยยืนยันว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร จะต่อสู้กับความพยายามของทางการไทยในเรื่องของการถูกส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนอย่างถึงที่สุด พร้อมตั้งข้อสงสัยถึงความชอบธรรมของหลักฐานที่ทางการไทยอ้างว่าอดีตนายกรัฐมนตรีของไทย วัย 60 ปีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายซึ่งอาจต้องรับโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต.



ตัดตอนจาก thaienews

โวย "ส.ส.ปชป." ไม่ยืนเคารพเพลงสรรเสริญฯ


โวย "ส.ส.ชลบุรี ปชป." ไม่ลุกขึ้นยืนตรงเคารพเพลงสรรเสริญฯ เจ้าตัวอ้างไม่ได้ร่วมฝึกลูกเสือด้วย ยืนยันจงรักภักดีวิทยากร-ลูกเสือชาวบ้านรุ่น357 ไม่พอใจ "ฐนโรจน์ ส.ส.ชลบุรี ปชป." ไม่ลุกขึ้นยืนตรงเคารพ
เพลงสรรเสริญพระบารมี ในพิธีรับผ้าผูกคอพระราชทานและปิดการฝึกอบรม ส่งภาพถ่ายหลักฐานร้องสื่อ เจ้าตัวขอโทษ อ้างเข้าใจผิดไม่ได้มาร่วมฝึกเป็นลูกเสือด้วย ยืนยันจงรักภักดี เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก คณะวิทยากรฝึกอบรมลูกเสือชาวบ้าน และลูกเสือชาวบ้านรุ่น 357 ชลบุรี จำนวนมากว่าไม่พอใจ นายฐนโรจน์ โรจนกุลเสฎฐ์ ส.ส.ชลบุรีพรรคประชาธิปัตย์ อย่างมากเพราะไม่แสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งที่มาร่วมเป็นเกียรติในพิธีรับผ้าผูกคอพระราชทาน และพิธิปิดการฝึกอบรมลูกเสือชาวบ้าน ที่วัดสามัคคีบรรพต ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งการฝึกลูกเสือชาวบ้านเพื่อให้ประชาชนรวมเป็นพลังสามัคคี เทิดทูน เชิดชู จงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยมี เจ้าอาวาสวัดเขาคันธมาทน์ เจ้าอาวาสวัดสามัคคีบรรพต อยู่ในพิธี นายวิทยา คุณปลื้ม นายกองค์การบริหาร
ส่วนจังหวัด(อบจ.)ชลบุรี เป็นประธานในพิธีปิดการฝึกอบรม นายชายชาญ เอี่ยมเจริญ นายอำเภอสัตหีบ นายภิญโญ สายนภา สมาชิกสภา อบจ.ชลบุรี พื้นที่ อ.สัตหีบ และผู้มีเกียรติจำนวนมากร่วมในพิธี มีหลักฐานเป็นภาพถ่ายที่เจ้าหน้าที่ถ่ายเอาไว้ ยืนยันแน่ชัดว่า นายธนโรจน์ นั่งอยู่โดยไม่ลุกขึ้นยืนแต่อย่างใด

อ่านเพิ่มเติมได้ที่.

สุรชัย นิลโสภา

สิ่งนี้พอที่จะเป็นหลักฐานได้ไหมว่า นายสุรชัย นิลโสภา ไม่ใช่การ์ดของคนเสื้อแดงและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดง ศอฉ,DSI,ปชป ว่าไงล่ะ ปากก็ว่าปรองดองสมานฉันท์แล้วการกระทำของพวกท่านแน่ใจหรือว่าสมานฉันท์ เลิกสร้างหลักฐานเท็จเสียที ถามจริงๆเถอะเคยรู้สึก อาย บ้างไหม

ทหารแว๊น

ทำเถอะครับ เพื่อบ้านเมืองสงบ

ทูต40ประเทศเดินทางเข้ามาสังเกตุการณ์การชุมนุมของ นปช.

นายวีระ มุสิกพงษ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้ชี้แจงทูตที่เดินทางเข้ามาสังเกตุการณ์การชุมนุม อาทิ ทูตออสเตรเลีย ทูตเปรู ทูตเดนมาร์ก และทูตอาร์เจนตินา โดยคณะทูตถามว่าจะมีการดำเนินการยุติปัญหาด้วยวิธีสันติวิธีอย่างไร เมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 23 เม.ย.

นายวีระ ชี้แจงว่า เราพร้อมที่จะเปิดเจรจาภายใต้เงื่อนไขใหม่ โดยจะขอให้ยุบสภาใน 30 วัน ซึ่งตามเงื่อนไขกฎหมาย รัฐบาลจะสามารถอยู่ต่อได้อีก 60 วัน รวมแล้วรัฐบาลจะมีเวลา 90 วัน ซึ่งเป็นข้อเสนอของนักวิชาการที่เป็นกลางๆ เสนอไว้อยู่แล้ว ดังนั้น รัฐบาลน่าจะรับเงื่อนไขนี้ได้ ทั้งนี้ รัฐบาลต้องหยุดคุกคาม นปช.ทุกรูปแบบและต้องแสดงความรับผิดชอบต่อผู้เสียชีวิตมากกว่าที่เป็นอยู่ และคืนนี้จะได้พบปะกับรัฐบาล

ก่อนหน้านี้ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ประกาศบนเวทีปราศรัยวันที่ 23 เมษายนว่า ได้รับการประสานจากสถานทูตประจำประเทศไทย จำนวน40 ประเทศ ว่าจะมีการส่งเอกอัครราชทูตเข้ามาสังเกตการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง  ในเวลา 16.00 น.วันนี้ จึงขอความร่วมมือไปยังกลุ่มผุ้ชุมนุมที่อยู่ในสถานที่ชุมนุม ช่วยกันทำพความสะอาดและเก็บข้าวของให้เป็นที่เรียบร้อย

ขอบคุณ มติชน

ก่อนหน้านี้ นายมิไฮ บี.ชิออน อุปทูตโรมาเนีย ประจำประเทศไทย ก็ได้เดินทางมาบริเวณหลังเวที เพื่อสังเกตการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเช่นกัน

ขอบคุณ เดลินิวส์

ขอบคุณภาพจาก UDDThailand Facebook

ผู้ดีสีลม มวลชนฝ่ายทหาร

ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ 23 เมษายน พ.ศ. 2553 เวลา 14:30 น.

ท่านผู้หญิงจ.จ.

“ณัฐวุฒิ” แฉสตรีสูงศักดิ์กดดันทหารปราบเสื้อแดง
(ถ้าหลังโฆษนา 1-2-call แล้วหยุดเล่น ให้กดrefresh1ครั้ง แล้วกดดูใหม่)


อ่านประกอบ
แฉท่านผู้หญิงจ.จ.จี้“ป๊อก”สลายม็อบ
"สมชาย"โยน"จิ๋ว"ตอบขอพระมหากรุณาธิคุณ ไม่รู้เรื่อง"ท่านผู้หญิงจ.จ."
ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ (อุรัสยะนันท์)

นางสนองพระโอษฐ์ และรองราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ถวายงานใกล้ชิด รับใช้มากว่า 40 ปี บิดาของท่านผู้หญิงเคยดำรงตำแหน่งเป็นประธานมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ สมรสกับ พล.อ.อ.รังสรรค์ ทีขะระ

เคยถูกกล่าวพาดพิงโดยท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล ว่ามีปัญหาการขัดแย้งกันภายใน จนเป็นที่มาของการระงับขายเสื้อสีฟ้าปักพระนามาภิไธย สก ซึ่งสนธิ ลิ้มทองกุล ใช้นำมาโจมตีท่านผู้หญิงวิระยา หลายครั้ง และเป็นผู้ออกหนังสือ ชี้แจงว่า ท่านผู้หญิงวิระยา ไม่มีความเกี่ยวข้องกับสำนักพระราชวัง

เป็นที่รู้จักนอกแวดวงชนชั้นสูง เมื่อออกงานคู่กับ พล.ต.อ.วศิษฐ์ เดชกุญชร ในงานการบรรยายพิเศษหัวข้อ "พระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อพสกนิกรชาวไทย" โดยได้ร่ำไห้เมื่อกล่าวถึง พระราชกรณียกิจมากมายที่ทั้งสองพระองค์ทรงทำมาตลอด

โด่งดังเป็นพลุแตก จากการกล่าวถึงท่านผู้หญิง จ จ บนเวทีเสื้อแดงว่า โทรไปกดดันให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. สลายม็อบเสื้อแดง

แผนของพวกทรราช


คืนนี้ อินเตอร์เนต ทรูู และ เจ้าอื่น จะปิดปรับปรุง เที่ยงคืน ถึง ตีห้าค่ะ ปรับปรุงระบบเครือข่าย hi-speed Internet เรียนผู้ใช้บริการ True Internet เพื่อให้การใช้งานอินเทอร์เน็ตของคุณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ทรูจะทำการปรับปรุงระบบ ซึ่งจะมีผลทำให้คุณไม่สามารถใช้บริการอินเทอร์เน็ตได้ชั่วคราว อาการที่พบ: ไม่สามารถใช้งาน internet ได้ ช่วงเวลาที่ดำเนินการจะได้รับผลกระทบพื้นที่ละ : 1 ชั่วโมง ระยะเวลาดำเนินการ วันพฤหัสบดีที่ 22 เมษายน 2553 เวลา 00:00 น. - 05:00 น. ทรูต้องขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ ที่นี้ด้วย

ข้อสังเกตุ: มันเป็นข้ออ้างเพื่อที่จะทำการฆ่าประชาชนหรือเปล่า โดยการตัดสัญญาน internet

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด

"พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด" โฆษกผูกขาดของทหารตั้งแต่ยุคคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ไล่มาถึงโฆษกกองทัพบก โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) และโฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) ในปัจจุบัน
ยิ่งรับรู้เส้นทางชีวิตแล้ว เรียกได้ว่ายิ่งกว่านิยายเสียอีก
"ไก่อู" ซึ่งเป็นชื่อเล่นของ พ.อ.สรรเสริญ ที่เป็นลูกคนกลางของ "พ.ต.ท.ภานุช และนางเพ็ญนภา แก้วกำเนิด" เกิดเมื่อวันที่ 14 ส.ค.2506 ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ แต่ก็ดูเหมือนชีวิตชีพจรจะลงเท้าตั้งแต่เด็ก เพราะต้องถูกยกให้ป้าและย่าไปเลี้ยงที่ จ.เพชรบุรี เพราะฐานครอบครัวไม่เอื้ออำนวย
ในขณะที่ "พี่ชาย-ไก่โรส" และ "น้องชาย-ไก่งวง" ก็ติดสอยห้อยตามครอบครัวมาอยู่ที่ จ.นนทบุรี จึงไม่แปลกที่เขาจะได้รับการศึกษาเบื้องต้นที่ รร.อุดลย์ประดิษฐ์ จ.เพชรบุรี ก่อนจะย้ายมาศึกษาที่ รร.รัตนาธิเบศร์ (โรงเรียนวัดบางขวาง) จ.นนทบุรี และได้สอบเข้าเป็น นักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 23" ซึ่งถือเป็นรุ่นสุดท้ายที่เรียนในโรงเรียนนายร้อย ถนนราชดำเนิน ก่อนย้ายไปอยู่เขาชะโงก
และที่โรงเรียนนายร้อยจปร. รุ่นที่ 34 นี่เองที่ทำให้เขาได้รู้จักและสนิทกับเสธ.คนดัง ทั้ง "พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล" หรือเสธ.แดง และ "พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต" เสธ.ไอซ์ เพราะเสธ.แดงนี่เองที่ขณะนั้นดำรงยศพันตรีเป็นคนแนะนำเขา ซึ่งสอบได้ที่ 11 ของรุ่น จาก 319 คน ให้เลือก "เหล่าทหารม้า" ที่มีพันตรี ไตรรงค์(ยศขณะนั้น) เป็นรองผู้บังคับการ
เจ้าตัวไม่ปฏิเสธถึงความสนิทสนามกับเสธ.ไอซ์ และยังถือเป็นผู้มีพระคุณ เพราะไดช่วยเหลือภาระหนี้สินจากการทำแท็กซี่ที่เจ๊งไม่เป็นท่า และจุดนี้เองที่ถูกโจมตีจากคนที่ไม่ชอบหน้าว่าเป็น "เด็กหิ้วกระเป๋า" นอกเหนือจากการถูกแซวจากเวทีคนเสื้อแดงว่าเป็นโฆษกลูกทุ่ง ซึ่ง พ.อ.สรรเสริญเองก็นิยมซะด้วย โดยเฉพาะเพลงของ "ศรีคีรี ศรีประจวบ"


บางส่วนจาก www.ryt9.com/s/tpd/882522

ประโยคเด็ดที่สุดของนายคนนี้คือ ทหารไม่ได้ยิงประชาชน แต่ทหารยิงเพื่อถอยเท่านั้น????!!???!!!!

ตลกไพร่หัวใจอำมาตย์

เทพ โพธิ์งาม มีชื่อจริงว่า สุเทพ โพธิ์งาม เป็นนักแสดงตลก หัวหน้าคณะโพธิ์งามในอดีต มีความสามารถหลายอย่าง เคยแสดงภาพยนตร์หลายเรื่อง และยังเป็นผู้กำกับและเขียนบทภาพยนตร์อีกด้วย
สุเทพ โพธิ์งามเกิดเมื่อ พ.ศ. 2492 เกิดที่ปราจีนบุรี แต่ไปเติบโตที่นราธิวาส เรียนจบประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียน บ้านยะบะ จังหวัดนราธิวาส ก่อนย้ายมาอยู่สะเดหาดใหญ่ เคยทำงานกับหน่วยฉายหนังกลางแปลง ได้เงินค่าจ้างวันละ 5 บาท ซึ่งได้มีโอกาสเป็นนักพากย์การ์ตูนในหนังกลางแปลงเพราะขาดนักพากย์พอดี ทำอยู่ 7 ปี หนังกลางแปลงถูกยุบ จึงหันเหไปเป็นกรรมกรในโรงถ่าน และได้ไปสมัครงานกับวงดนตรีเพลิน พรมแดน จึงได้เจอกับ เด่น ดอกประดู่ให้มาเล่นตลกหน้าเวที หลังจากเด่น ออกจากวงดนตรีเพลินพรมแดน เด่นได้ชวนเขาเข้าร่วม คณะเด่น เด๋อ เทพ จากนั้น ได้เปลี่ยนมาอยู่กับ ซูเปอร์โจ๊กรวมเล่นตลกประมาณ 30 ปี ด้านชีวิตครอบครัว สุเทพใช้ชีวิตคู่ร่วมกับ ภัสราวรรณ ทรงพีระพัฒน์ (จุ๋ม) มีลูก 2 คนคือ "ทอฟฟี่"นิชาภา โพธิ์งาม นักร้องค่าย "ลักษ์มิวสิค" และไทค์ ธนพล โพธิ์งาม (ภัทร โพธิ์งาม) และมีน้องสาวอีกคนคือ น้อย โพธิ์งาม

สุเทพลงทุนทำธุรกิจส่วนตัวหลายอย่างเช่น ทำร้านชำ อู่ซ่อมรถ ร้านเสริมสวย บ้านจัดสรรแต่ไม่ประสบผลสำเร็จและขาดทุนอย่างมาก เขาเคยลงทุนผลิตน้ำข้าวกล้อง ยี่ห้อ โพธิ์งาม แต่ไม่ประสบความสำเร็จเนื่องจากไม่ผ่านการอย. และสุดท้ายถูกฟ้องล้มละลาย...

**************************

"เทพ โพธิ์งาม" โผล่แจมเสื้อชมพู โดดขึ้นเวทีปราศรัยติดตลก "ออกมาซื้อข้าวมันไก่เลยแวะมาที่นี่ เห็นข่าวแล้วรำคาญกลุ่มเสื้อแดง จึงออกมาแสดงพลัง" เรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชุมนุม...ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 16 เม.ย. ภายหลังจากตัวแทนกลุ่มพลเมืองอาสาปกป้องแผ่นดิน ได้ยื่นหนังสือถึงรัฐบาล และกองทัพ แนวร่วมกลุ่มพลเมืองอาสาปกป้องแผ่นดิน ที่อยู่บนเวทีปราศรัยบนรถสิบล้อ ได้นำประชาชนร้องเพลงบางระจัน และเพลงอยุธยา เพื่อแสดงถึงความรักชาติด้วย

ต่อมา นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงษ์ ผู้ประสานงานกลุ่มพิทักษ์ชาติ กล่าวบนเวทีกับประชาชนหลังการยื่นหนังสือว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ตอบผ่านมายังนายปณิธาน วัฒนายากรรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าขอขอบคุณกำลังใจจากประชาชนทุกคน ซึ่งตนเชื่อว่าเมื่อนายกรัฐมนตรีทราบว่าพวกเรามีกำลังใจให้ คงจะเดินหน้าทำงาน และทำให้ความสงบสุขกลับมาอย่างแน่นอน พร้อมกับนัดหมายประชาชนให้ไปพบกันที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ในวันที่ 17 เม.ย.นี้ เวลา 16.00 น.จากนั้น โฆษกบนเวทีได้ประกาศบนเวทีว่าขอให้แกนนำพันธมิตรทุกจังหวัด ไปพบกันที่มหาวิทยาลัยรังสิต ในวันที่ 18 เม.ย.นี้ต่อมาบรรยากาศการชุมนุมเป็นไปอย่างผ่อนคลาย โดยมีวงดนตรีแฮมเมอร์มาขับร้องเพลง และในเวลา 12.30 น. "เทพ โพธิ์งาม" ศิลปินตลกชื่อดัง ที่มาร่วมชุมนุมด้วย ได้ขึ้นเวทีกล่าวปราศรัยอย่างติดตลกว่า บังเอิญว่าตนออกมาซื้อข้าวมันไก่เลยแวะมาที่นี่ และประกอบกับเห็นข่าวแล้วรำคาญกลุ่มคนเสื้อแดง จึงออกมาแสดงพลังด้วย ซึ่งการปราศรัยของเทพ โพธิ์งาม ได้เรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชุมนุมอย่างมาก.

เลิกดู เลิกสนับสนุนพวกดาราที่มีหัวใจเผด็จการ ฝักใฝ่อำมาตย์

จารึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ โฉมหน้าเผด็จการ



ฟ้องด้วยภาพ สยบข่าวลือพวกปากมอม

จากการที่ ASTV และช่องหอยม่วง ได้ออกมาประโคมข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีดนายกรัฐมนตรีได้ป่วยเป็นโรคร้ายตอนนี้อยู่ห้อง ไอซียู จะมีเวลาอยู่ได้อีกแค่สามเดือน เลยนำภาพเหล่านี้มาฝากกันค่ะ แล้วก็ไม่ต้องมาเถียงอีกล่ะว่าภาพเก่า (ดูวันเวลาขึ้นที่ภาพละกันนะ) และอยากเตือนไปยังคนที่ปล่อยข่าว เลิกการกระทำแบบนี้ซะที เพราะได้ข่าวว่าตอนนี้ดาบนั้นกำลังคืนสนองอยู่มิใช่หรือ






ฟ้องด้วยภาพ พร้อมฆ่าประชาชน






เขาเป็นใครนะค๊ะ ..วู๊ ^_^

จั่วหัวเรื่องแบบเพลงของน้องมะเหมี่ยวซะหน่อย แต่อยากรู้จริงๆนี่นา ว่าคนนี้เขาเป็นใคร สงสัยต้องวานรัฐบาลและกองทัพช่วยตอบให้หายข้องใจ ^_^
เครดิต: ราหู

มาร์คหนีทหาร หลักฐาน

คืออยากรู้ว่ามาร์คหนีทหารจริงหรือไม่ เลยลองหาข้อมูลใน google อันนี้ยกมาให้ดูเป็นตัวอย่างนะครับ

"เพื่อไทย" สกัด "มาร์ค" ขึ้นนายกฯ เอาเอกสารหนีทหารออกแฉ ขู่ใช้วิธีพันธมิตรย้อนเกล็ด ปชป.บ้าง ให้รอ "แม้ว" โฟนอินแฉหมดเปลือก แต่ยังกั๊กปิดล้อมสภาวันโหวตนายกฯ เสื้อแดงแตก "บุรีรัมย์" ยอมให้ "ทักษิณ" ด่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์นำรูปนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ใส่ชุดทหารมายืนยันว่าไม่ได้หนีทหารว่า ขั้นตอนที่นายอภิสิทธิ์ใส่ชุดทหารนั้นผิดกฎหมาย โดยเฉพาะกรณีที่นายอภิสิทธิ์ไปสมัครเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อย จปร.ก็ผิดกฎหมาย ทั้งตัวนายอภิสิทธิ์และผู้ที่รับเข้าเป็นทหาร วันนี้จะเห็นว่านายอภสิทธิ์ไม่มีใบ สด.43 เหมือนชายไทยทั่วไปที่ผ่านการเกณฑ์ทหารแล้ว ซึ่งวันนี้ตนได้นำเอกสารรายงานผลการสอบสวนกรณีนายอภิสิทธิ์เข้ารับราชการ โรงเรียนนายร้อยจปร.มาเพื่อเตรียมยื่นให้นายสมชาย เพศประเสริฐ ประธานคณะกรรมาธิการทหาร รวมทั้งคาดว่าจะมีการยื่นต่อ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ทั้งนี้ หากนายอภิสิทธิ์สามารถชี้แจ้งเรื่องการหนีเกณฑ์ทหาร และมีใบ สด.43 มายืนยัน ตนก็พร้อมจะยกมือให้นายอภิสิทธิเป็นนายกฯ